สมุนไพรพูลคาว หรือ คาวตอง |
ชื่อวิทยาศาสตร์ Houttuynia cordata Thunb.
ชื่ออื่นๆ คาวตอง(ลำปาง,อุดร)คาวทอง(มุกดาหาร,อุตรดิตถ์)ผักก้านตอง(แม่ฮ่องสอน)ผักเข้าตอง,ผักคาวตอง,ผักคาวปลา(ภาคเหนือ)พลูคาว(ภาคกลาง)
วงศ์ SAURURACEAE พลูคาวเป็นพืชสมุนไพรประจำถิ่นที่พบมากในแถบภาคเหนือของไทย ซึ่งถือเป็นพืชตระกูลเดียวกับพลู ชอบขึ้นในพื้นที่ชื้นแฉะ มีร่มเงาเล็กน้อยและสภาพอากาศเย็นชาวบ้านในเขตภาคเหนือจะเรียกว่า “ผักคาวตอง” เนื่องจากต้นและใบจะมีกลิ่นคาวรุนแรงคล้ายคาวปลา ซึ่งส่วนใหญ่นิยมนำใบมาเป็นเครื่องเคียงอาหารสดๆ เช่น ลาบ ซ่า ก้อย ซกเล็ก เป็นต้น ซึ่งคนโบราณเชื่อว่าอาหารสดๆ เหล่านั้นจะเป็นปัจจัย ทำให้เกิดโรคมะเร็ง และตัวพลูคาวนี้จะเข้าไปช่วยสร้างความสมดุล และยับยั้งไม่ให้มะเร็งลุกลาม ถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีสารในการต้านมะเร็ง สังเกตได้ว่าประชากรในภาคเหนือเป็น “ โรคมะเร็ง” ค่อนข้างน้อยเนื่องจากบริโภคพลูคาวเป็นประจำ
การของผู้ป่วยดี ขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยได้นานขึ้นด้วย ซึ่งดีกว่าการรักษาด้วยการฉายรังสีเพียงอย่างเดียว
ลักษณะแตกต่างจากพลู คือ ที่ใต้ใบของพลูคาวจะ มีสีแดงอ่อนไปจนถึงสีแดงเข้ม
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพลูคาว
สมุนไพรพลูคาวเกี่ยวกับโรคมะเร็ง
โรคมะเร็งเป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรง เกิดจากเซลล์สูญเสียคุณสมบัติที่เรียกว่า Contact Inhibition ทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ก้อนใหญ่ เรียกว่า “เนื้องอก” สามารถแพร่กระจาย (Metastasis) ไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้ ระยะแรกมักไม่แสดงอาการเจ็บปวด เมื่อมะเร็งโตขึ้น ร่างกายจะทรุดโทรมจนถึงแก่ชีวิตได้
1. ฤทธิ์การทำลายเซลล์มะเร็ง 5 ชนิด คือ เซลล์มะเร็งปอด (HUMANLONG DADNOCARCINOMA) ,เซลล์มะเร็งรังไข่ (HUMAN OVARIAN ADENOCARCINOMA), เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายในสมอง (HUMAN CNS CARCINOMA),เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ (HUMAN COLON ADENOCARCINOMA) และเซลล์มะเร็งต่อมไทรอยด์
2. ฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว (LEUKEMIC CALL LINES)
3. ฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งอื่นๆ
สมุนไพรพลูคาวกับไวรัส
โรคที่เกิดจากไวรัสแบ่งเป็นการติดเชื้อ 3แบบคือ
1. โรคที่เกิดจากไวรัสที่มีอาการเฉียบพลัน เช่นไข้ทรพิษ, หัด, หัดเยอรมัน, หวัด, ตาอักเสบ เป็นต้น
2. โรคที่เกิดจากไวรัสที่มีอาการเป็นๆหายๆ เช่น เริม งูสวัด เป็นต้น
3. โรคที่เกิดจากไวรัสที่มีอาการเรื้อรัง เช่น HOV โรคพิษสุนัขบ้า เป็นต้น
สมุนไพรพลูคาวสามารถยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส POLLOVIRUS AND COXSACKIEVIRUS โรค ที่เกิดจากไวรัสในไก่ โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง เช่นหวัด ไข้หวัดนก คางทูม ต่อมทอลซินอักเสบ และปอดอักเสบในเด็ก
สมุนไพรพลูคาวกับเชื้อรา
รา เป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งแบ่งเป็น2กลุ่ม คือ เซลล์เดียวหรือยีสต์ UNICELLULAR FUNGI OR TEAST และเซลล์หลายเซลล์หรือโมลด์ FILAMENTOUS FUNGI OR MOLD ราเป็นสาเหตุของโรคที่เกิดกับผิวหนัง สมุนไพรพลูคาวสามารถรักษา กลาก เกลื้อน สังคัง ฮ่องกงฟุต สะเก็ดเงิน โรคปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อรา CRYPTOCOCCUS NEOFORMANS
สมุนไพรพลูคาวกับแบคทีเรีย
โรค ที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียมีหลากหลายแตกต่างกัน ตามชนิดของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของโรค และขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดการติดเชื้อ สมุนไพร พลูคาวสามารถป้องกัน อาการท้องเดิน ท้องเสีย ท้องเดินปัสสาวะอักเสบ การติดเชื้อทางเดินหายใจ ฝี โรคทางเดินอาหาร โรคปริทันต์ โรคในระบบสืบพันธุ์ โรคติดเชื้อในช่องปาก สิว โรคผิวหนัง กลาก ขี้เรื้อนกวาง
สมุนไพรพลูคาวกับการอักเสบ ANTI-INFLAMMATION
สมุนไพร พลูคาวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยยับยั้งการซึมผ่านเส้นเลือดฝอยของของเหลว หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ไฟไหม้น้ำร้อนลวก ปวดฟัน ขับปัสสาวะ DIUERTIC ACTIVITY
สมุนไพรพลูคาวกับภูมิคุ้มกัน
ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันโรค หรือมีความต้านทานโรค ไม่ให้โรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย สมุนไพรพลูคาวช่วยบำบัดอาการไอ จาม อักเสบ หอบหืด ATOPIC ECZEMA โรคหวัดเรื้อรัง โรคข้ออักเสบ รูมาตอยต์ โรคข้ออักเสบ HIV มะเร็ง ผู้ได้รับสารกดภูมิคุ้มกัน
สมุนไพรพลูคาวกับโรคอื่นๆ
เบา หวาน ตับอักเสบ ตับแข็ง ไตอักเสบ เนื้อปอดพองลม ปวดขัดเบา ลดไข้ ขจัดสารพิษ เยื่อบุจมูกอักเสบ โรคผิวหนังโรคติดเชื้อต่าง ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ต้านการจับตัวของเกร็ดเลือด โพรงจมูกอักเสบ ควบคุมระบบการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้เร็วขึ้น
จากการวิจัย
คณะแพทย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยขอนแก่น พลูคาว ได้วิจัยและทดลองผลิตเป็นยาน้ำสมุนไพรบำรุงร่างกาย โดยผ่านกรรมวิธีการหมักและผสมผสานระหว่างศาสตร์ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม กับเทคโนโลยีชีวภาพ (NanoTechnology) ใช้สมุนไพรพลูคาวเป็นสารตั้งต้น
ขณะ เดียวกันคณะนักวิจัยยังได้ทราบข้อเท็จจริงว่า สีแดงที่อยู่ใต้ใบพลูคาวเป็นตัวชี้วัดว่ามีเภสัชสาร ซึ่งเป็นสารเฮลตีแบคทีเรีย มีจุลินทรีย์และแลคโตบาซิลลัสสายพันธุ์หนึ่ง ที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์ให้ทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังสามารถไปยับยั้งการเจริญเติบโตและต้านทานเนื้องอก (Anti-tumor) และช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้ค่อนข้างดี
หลัง จากที่สกัดเป็นยาน้ำ และผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการจริยธรรมแล้ว ได้นำยามาทดลองในผู้ป่วยมะเร็ง 5 ชนิด คือ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งปากมดลูก เนื้องอกบริเวณสมอง และเนื้องอกของ Soft tissue sarcoma โดยให้ผู้ป่วยดื่มบำรุงร่างกาย และใช้ร่วมกับการรักษาของคณะแพทย์โดยการฉายรังสี ปรากฏว่า สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยมะเร็งได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้มากขึ้นทำให้อาการของผู้ป่วยดี ขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยได้นานขึ้นด้วย ซึ่งดีกว่าการรักษาด้วยการฉายรังสีเพียงอย่างเดียว
พลูคาว จะนำมาต้มโดยให้ผู้ป่วยดื่มบำรุงร่างกาย และใช้ร่วมกับการรักษาของคณะแพทย์โดยการฉายรังสี ปรากฏว่า สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยมะเร็งได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้มากขึ้นทำให้อาทีมนักวิชาการจาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงนำเอาศาสตร์พื้นบ้านนี้มาเป็นพื้นฐาน ด้วยการนำพลูคาวมาสกัดเป็นตัวยาหลักนำไปช่วยในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง... โดยมี “กระชายแดง” และสมุนไพรอื่นๆอีกเป็นส่วนผสม... ผลปรากฏว่าสามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยโรคมะเร็งไว้ได้... หลังอยู่ในสภาพที่สิ้นความหวังไปแล้ว
ผศ.ดร.วิจิตร เกิดผล จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หนึ่งในคณะนักวิจัย เปิดเผยว่า... หลังจากที่มีการศึกษาวิจัย เกี่ยวกับการนำสมุนไพร พลูคาวมาเป็นสารตั้งต้นในการผลิต และผลิตเป็นยาน้ำสมุนไพรบำรุงร่างกาย ใช้กรรมวิธีการหมักและผสมผสาน ระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทย กับนาโนเทคโนโลยี NanoTechnology...ล่าสุดทีมวิจัยยังนำเอาเห็ดหลินจือ เข้ามาเป็นยาร่วม ดำเนินการผลิต ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำสมุนไพรไทย เพื่อสุขภาพ ที่ชื่อ Vilac Plus...!!! เมื่อทดลองให้ผู้ป่วยมะเร็งดื่มยาน้ำสมุนไพรไทยอย่างต่อเนื่องแล้ว พบว่าสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยได้สูงขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในรักษาได้มากขึ้น เมื่อใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีรังสีรักษา ส่งผลให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามได้นานขึ้น ในการนี้มหาวิทยาลัยขอนแก่น ยังได้จัดทำโครงการวิจัยเรื่อง “การทดสอบฤทธิ์ความเป็นพิษของ Vilac Plus ต่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย (Leukemia)” ขณะเดียวกันยังจะศึกษาวิจัยในผู้ป่วย “ธาลัสซีเมีย” ควบคู่ไปด้วยใช้ระยะเวลาดำเนินการวิจัยประมาณ 2 ปี
อยู่ได้ด้วยกำลังใจและสมุนไพรช่วยชีวิต…
โดย...ผอ.ศิริลักษณ์ จันทรมานนท์
หลังจากผ่าตัดลำใส้ใหญ่ที่มีก้อนเนื้อไปเกือบฟุต
ณ รพ. พระมงกุฎฯ เมื่อวันที่
31 มี.ค. 2549 โดยมี
ลูกชาย
ลูกปู(วรพล) และ ลูกปลา(รุจนวัตน์) คอยสับเปลี่ยนกันมาดูแลล้างแผลและให้กำลังใจคุณแม่ทุกวันจนออกจาก
รพ.ในวันที่ 6 เม.ย.49 ไปพักฟื้น...
หลังพักฟื้นพร้อมทั้งทำใจรอฟังผลก้อนเนื้ออีกสิบกว่าวัน... ในวันที่ 24
เม.ย.49
ลูกปูพาคุณแม่ไปฟังผลแต่เช้าทันทีที่ถึงคิว...เสียงพยาบาลเรียก...เชิญคุณศิริลักษณ์ค่ะ..
เข้าไปพบหมอ ประโยคแรก...คุณหมอถามหาญาติ
คือลูกปูให้เข้ามาฟังผลด้วย... ณ วินาทีนั้น ดิฉันรู้ได้ทันทีว่าต้องไม่ใช่ข่าวดีแน่..“คุณเป็นมะเร็งระยะสาม...เดี๋ยวผมจะส่งตัวขึ้นไปพบหมอด้านมะเร็งเพื่อวางแผนการรักษาชั้นบน...”
ดิฉันได้พบกับคุณหมอผู้หญิงในโอกาสต่อมา...หมอให้เลือกใน 3
แผนการรักษา ดิฉันตัดสินใจเลือกการใช้ยาเคมีบำบัด 12 ครั้ง แทนการทานยา
และการให้เคมี 6 ครั้ง ซึ่งการเลือกแผนนี้เป็นแผนที่มีเปอร์เซ็นการกลับมาเป็นอีกน้อยที่สุด...แต่เข้มข้น ที่สุด...
ดิฉันได้โอนการรักษาโดยใช้ยาเคมีบำบัดไปที่
รพ.มหาราชนครเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดมีลูกสาว(นวิยา) ญาติ ๆ และ
ลูกศิษย์ลูกหามากมาย เพราะสงสารลูกชายทั้งสองเนื่องด้วยเพิ่งได้งานใหม่ทั้งคู่
เกรงจะเป็นกังวล ดิฉันเข้ารับยาเคมีบำบัด (ครีโม)
ครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 เม..ย. 2549
และต้องรับยาทุก ๆ 10 -15 วัน โดยอยู่ในความดูแลของอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญโรคมะเร็งลำใส้โดยตรง นพ.ไพศิษฎ์
ศิริวิทยากร ...คุณยายคุณตาดูจะเป็นกังวลมากที่สุด... แต่ดิฉันเองพยายามที่จะไม่บ่นเจ็บปวดหรือมีน้ำตาให้เป็นกังวลกับคุณยายคุณตาและลูก
ๆ แต่ละครั้งดิฉันต้องนอนนิ่ง ๆ ให้ยาเคมีไหลเข้าสู่ร่างกาย...เป็นเวลา
3-4 วัน
ไหนจะต้องพยายามดูแลเปลี่ยนถุงและทำความสะอาดลำใส้หน้าท้อง พยายามอดทน
และให้กำลังใจตนเองด้วยหลักธรรมะ สมาธิและเพลง บรรเลงนิพพาน (สวรรค์ 7 ชั้น) ซึ่งลูกปลาได้หาซื้อ MP 3
ให้แม่ใส่เพลงนิพพานที่ครูกระปุก (คลองไผ่) ซื้อมาให้และบันทึกนิทานธรรมะที่น้องจิ๋ม
(นวมินทร์)หามาจากเวปไซด์ (กรรมพยากรณ์ 1-2 และ
เสียดายคนตายไมได้อ่าน) ทำให้ดิฉันบรรเทาความเจ็บปวดและทุรนทุรายได้เป็นอย่างมากทีเดียว
...ประมาณ เดือน ก.ย. 2549
เป็นการให้ครีโมครั้งที่ 9 ครั้งนั้นดิฉันทรมาณมาก เส้นเลือดที่แขนทั้งสองไหม้ ลูกศิษย์ที่เป็นพยาบาล ต้องแทงเข็มหาเส้นใส่ครีโมถึง
3-4 ครั้ง น้ำหนักลดลงเหลือ 35 กก.
จากเดิม 42 กก. ทานอาหารไม่ได้ จนต้องขออาจารย์หมอหยุดให้ยา แต่คุณหมอขอร้องให้อดทนอีกต่อไป... และคงเป็นบุญกุศลสำหรับดิฉัน.. ดิฉันได้รู้จักยาสมุนไพรแผนโบราณ VILAC
PLUS
ซึ่งตัวยาทำจาก พูลคาว
เห็ดหลินจือ และกระชายดำ จากการแนะนำของเพื่อนผู้น้อง (อ.สถาพร
ม.สุรนารี) ที่เป็นวิทยากรด้วยกัน... การให้ครีโมครั้งที่ 9 เสร็จสิ้นอย่างทุกข์ทรมาณที่สุดในชีวิต...ได้อุทิศส่วนกุศลให้สรรพสัตว์
สรรพชีวิต ที่ได้กระทำ และอธิษฐานจิตว่าถ้าหายจากโรคภัยครั้งนี้ จะลาออกจากราชการ มาถวายงานในเบื้องพระยุคลบาท
ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี เพียงอย่างเดียว
และหลังจากออกรพ. ครั้งที่ 9 ดิฉันก็ขอน้องสะไภ้ (น้องแจ๋ว) ไปตามหาสมุนไพรที่
อ.สถาพร ได้แนะนำ... รีบหามาทาน ๆ ๆ หลังอาหาร 3 มื้อ
มื้อละ 30 cc. ตามคำบอก ...ดิฉันฟื้นตัวได้อย่างแทบไม่น่าเชื่อ...เพราะสังเกตตัวเองในการให้เคมีบำบัดหรือครีโมครั้งที่ 10...11...12
ดิฉันแข็งแรงขึ้นมาก...ไม่เจ็บปวด...ไม่ทุรนทุราย...ทานข้าวได้ใน
รพ. เมื่อเสร็จสิ้นการรับยาครีโม
ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2549 ฟักฟื้นเพียง
9 วัน ดิฉันก็กลับไปทำงานที่โคราชในวันที่ 14 พ.ย.49
แต่ทานยาลดลงเหลือ 2 มื้อ
และเมื่ออาจารย์หมอให้ทำ TC สแกนน์ เพราะครบ 1
ปีของการผ่าตัด ในวันที่ 30 เม.ย.50 ก็พบว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ทุกวันนี้...ดิฉันแข็งแรง สามารถวิ่งรอบสนามฟุตบอลได้ 3-4 รอบ
โดยไม่เหนื่อยน้ำหนักขึ้นมาเท่าเดิม
42 กก. ไม่เคยป่วยเป็นอะไรเลย โดยเมื่อพบอาจารย์หมอครั้งล่าสุดในวันที่ 6 ส.ค.50
นี้ อาจารย์หมอชมว่า...ดี เยี่ยม (ดิฉันต้องอยู่ในความดูแลของอาจารย์หมออีก
5 ปี ดูการกลับมาเป็นอีก)
ดิฉันจึงอยากบอกว่า...อยู่ได้ด้วยกำลังใจ
(จากทุกๆคน) และสมุนไพร VILAC PLUS.
ภาค 2 เมื่อวันที่
10 ธันวาคม 2555 ณ บ้านแสนสราญ บ้านของเพื่อน PRC
(เอ็ดดี้ และริบูรณ์)
ผ่านมาเกือบ 7 ปี หลังผ่าตัด...ให้ครีโม...พบอาจารย์หมอเป็นระยะ
ๆ ทุก 3-4 เดือน และทุกเดือน
มีนาคม อาจารย์หมอจะให้ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Whole abdomen CT) เมื่อเดือนมี.ค. 2555 เป็นครั้งล่าสุดที่ผ่านการ
CT ซึ่งผลก็ออกมาไม่มีการแพร่กระจาย อาจารย์หมอบอกว่า 95% ที่ไม่กลับมาแน่นอน
แต่ให้แน่ใจขอ CT อีกปี...จากการพบอาจารย์หมอเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ปี 2555 นี้
ดิฉันปรึกษาเรื่องการผ่าตัดเพื่อต่อลำใส้ตามที่หมอเคยถามว่าจะเอาเข้ารึไม่...ดิฉันก็มาคิดดูแล้วว่า...น่าจะลองผ่าตัดอีกครั้ง
เพราะตัวเองก็รู้สึกแข็งแรงขึ้นมาก...น้ำหนักก็ขึ้นมาเกือบ 47
กก. แล้ว
และไม่เคยเจ็บป่วยใช้ยารักษาอีกเลย
(ใช้สมุนไพรตัวเดิมเพียงอย่างเดียว วันละ 30 cc.)แต่ก็ยังก้ำ
ๆ กึ่ง ๆ ไม่รู้จะตัดสินใจ “เก็บลำไส้” หรือไม่?? อย่างไรก็ตามอาจารย์หมอก็ให้ไปเอาประวัติการผ่าตัดที่
รพ.พระมงกุฎฯ มา ทั้งนี้เพราะไม่ทราบว่าลำใส้ส่วนปลายที่ตัดอยู่ที่ใด
พร้อมกับให้ส่องกล้องดูความเรียบร้อยภายใน
ณ รพ.มหาราช ชม.ด้วย...
... และครั้งนี้ก็เป็นช่วงเวลาอีกครั้งหนึ่งที่ต้องเจ็บตัว... การส่องกล้อง...ลำใส้ เป็นไปด้วยความเจ็บปวด
ขณะนั้นก็ได้แต่อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์อีกครั้ง... และเมื่อนำประวัติจาก
รพ.พระมงกุฏมาพบอาจารย์หมอในวันที่ 27 สิงหาคม 2555 ผลวินิจฉัยของอาจารย์หมอที่ใช้ประวัติของ
รพ.พระมงกุฎ และผลจากการส่องกล้องพบว่า...ลำใส้ใหญ่ที่ตัดเหลือสั้นเกินไป ต้องนำลำไส้เล็กมาต่อ
หรือไม่ก็ต้องนำลำไส้ใหญ่ที่
ต้องเลาะออกจากผนังช่องท้องดึงมาต่อส่วนปลาย ซึ่ง “จะต้องเสียระบบการขับถ่ายอย่างมาก” ...มันทำให้การตัดสินใจของดิฉัน
ซึ่งตอนแรก ๆ ก็คิดว่าน่าจะอยู่อย่างคนปรกติเสียที...ตัดสินใจได้เร็วขึ้นว่า...อยู่อย่างเดิมนี้ดีกว่ามีถุงหน้าท้อง...เบิกราชการก็ได้
เสียส่วนเกินนิดหน่อย...อยู่กับเขามาตั้งเกือบเจ็ดปีแล้ว...
...ปัจจุบัน
ดิฉันก็ยังแข็งแรง...ดูจะแข็งแรงกว่าเมื่อครั้งปฏิบัติราชการอยู่ ทำหน้าที่เป็นคุณยาย ของหลาน 2 คน และกำลังจะเป็นคุณย่าของหลานในเดือนกุมภาพันธ์ 2556
นี้อีก...ชีวิตเป็นสุข
ได้สนองงานพระราชดำริฯตามที่ได้อธิษฐานจิตไว้ก่อนหายป่วย ...ลูก ๆ ก็มีงานทำ
และทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ...เป็นกำลังใจให้แม่ทำงานอย่างเป็นสุข...
สุดท้าย...ดิฉันอยากให้กำลังใจผู้ที่กำลังป่วย... โดยเฉพาะด้วยโรคมะเร็ง...ให้ท่านต่อสู้ ๆ ๆ
โรคร้ายให้ชนะด้วย “พลังใจของเรา”...พร้อมกับดูแลใส่ใจกับ 5 อ. คือ
1. อาหารที่ปราศจากสารปนเปื้อน
2. อากาศที่บริสุทธิ์
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ (ไม่ต้องหักโหม)
4. อุจจาระให้เป็นเวลา
และที่สำคัญที่สุด 5. อารมณ์ที่เบิกบาน
(คิดดี...ปฏิบัติดี... ใจเป็นสุข)
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวยา และ กรรมวิธีผลิตของเราได้รับการรับรองจากหลายสถาบัน เช่น GMP Halal Pitch In!
อย 524-0997-1-0091
ขนาดบรรจุ 750 cc
รวมค่าขนส่งถึงบ้านท่าน พร้อมการเก็บเงินปลายทาง COD ด้วย Kerry Logistic
พิเศษ ทางเราจะนำเงินรายได้ สมทบ รวมเป็น 200 บาท เพื่อทำบุญบริจาคสมุนไพรนี้ให้ พระ แม่ชี ผู้ยากไร้
เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของลูกค้า ให้เขาไปสู่ภพภูมิอื่นๆ ไม่สามารถอยู่ทำอันตรายเราได้อีก เพราะ เราเชื่อว่าโรคร้าย คือ โรคกรรมโรคเวร ในอีกนัยยะหนึ่ง ในนามของ ทุนนิธิ ธรรมมะจัดสรรแบ่งปันน้ำใจ
1. เก็บเงินปลายทาง COD ของ Kerry หรือ EMS
2. โอนเงินล่วงหน้า ผ่าน ธนาคาร ดังตอไปนี้
2.1 ธนาคาร กสิกรไทย Kasikorn
ออมทรัพย์
สาขามีโชคพลาซ่า (เชียงใหม่)
บัญชีเลขที่ 011-1-58974-7
ชื่อบัญชี พงศ์ศักดิ์ สุทธิวิวัฒน์ และ นางศิริลักษณ์ จันทรมานนท์
ทุนนิธิ ธรรมมะจัดสรร WHH
2. ธนาคารกรุงเทพ Bangkok Bank
ออมทรัพย์
สาขาท่าแพ เชียงใหม่
บัญชีเลขที่ 252-441044-2
ชื่อบัญชี พงศ์ศักดิ์ สุทธิวิวัฒน์
3. ธนาคารกรุงไทย Krungthai Bank
ออมทรัพย์
สาขามีโชคพลาซ่า (เชียงใหม่)
บัญชีเลขที่ 981-2-53056-8
ชื่อบัญชี พงศ์ศักดิ์ สุทธิวิวัฒน์
วิธีรับประทาน:
1.ในกรณีรับประทานเพื่อปรับธาตุ ปรับน้ำเหลือง ปรับเลือด ให้ร่างกายพร้อมที่จะสร้างภูมิคุ้มกัน
(ทานได้ถึง 50 วัน เฉลี่ยวันละ 29.98 บาท เพื่อสุขภาพ แต่ถูกกว่าก้วยเตี๋ยว 1 ชามซะอีก ครับ)
2..ในกรณีที่เข้ารับเคมีบำบัด ร่างกายจะทรุดโทรมจากทั้งโรคร้าย และ รับเคมีเข้าร่าง ต้องปรับน้ำเหลือง เลือด ให้ร่างกายแข็งแรงพอจะผ่านวิกฤติไปได้
เรื่องจริงที่แปลกมาก โดยส่วนมาก หมอและคณะพยาบาลจะห้ามทานสมุนไพร ซึ่งจริงแล้วดีกว่าเพราะเหมือนการทานผัก และ ยังมีทางรักษาเพิ่มมากขึ้นอีก เสริมการรักษาแผนปัจจุบันครับ
หมายเหตุ: มีถ้วยตวงแถมมาเรียบร้อย
รีบสั่งมาเลยครับ!!!!
สุขภาพของคุณ และ คนที่คุณรัก สำคัญที่สุด
1. Inbox
2. line QR code ตามแนบ หรือ Line ID: kaew4847 3 Email: neomart@gmail.com หมายเหตุ คนสมัยสุขภาพไม่แข็งแรง จึงต้องบำรุงกันมาก บางครั้ง สินค้าขาดก็ต้องรอ แต่โดยมากแล้วเราสามารถจัดส่งได้ วันถัดไป หลังสั่ง หรือ โอนเงิน |
No comments:
Post a Comment