Tuesday, July 31, 2018

"ต้นป่าช้าเหงา" สุดยอดสมุนไพรดังไกลไปทั่วโลก !!!





แชร์เรื่องราวดีๆ "สุดยอดสมุนไพรไทย"

"ต้นป่าช้าเหงา" สมุนไพรดังไกลไปทั่วโลกหลังสามารถช่วยรักษาได้สารพัดโรค

จีน และอเมริกาทำวิจัยและขายเป็นยาเพิ่มภูมิคุ้มกัน เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เบาหวาน และต่อมลูกหมาก

เป็นต้นไม้ที่เด่นดังโดยไม่ตั้งใจ แม้ว่าชื่อผมจะฟังไม่ไพเราะ แต่ก็มีความหมายเป็นมงคลกับคนที่ยังไม่ตาย ชื่อวนเวียนแถวๆป่าช้า เพราะคำว่าว่าป่าช้าเหงา ก็หมายถึงไม่มีคนตายเข้าป่าช้า คำว่า "ป่าแฮ่ว" ก็เป็นภาษาล้านนา และไทใหญ่แปลว่า ป่าช้าเช่นกัน และสำหรับคนจีนจะรู้จักผมในชื่อ หนานเฉาเหว่ย เป็นอย่างดี สำหรับ 3 จังหวัดภาคใต้ก็เรียกว่า บิสมิลลาฮ (เป็นภาษาอาหรับ)

ชาวโลกรู้จักตั้งแต่ แอฟริกา ที่เค้าใช้กินเป็นผักและใช้รักษาโรคมาเลเรีย, ที่อเมริกาก็ขายเป็นยาเพิ่มภูมิคุ้มกัน เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เบาหวาน และ ต่อมลูกหมาก รวมทั้งควบคุมน้ำตาล ที่พม่าและมาเลเซียก็รู้จัก แต่ดังจากเมืองจีนก่อนจะมากดังในเมืองไทยไม่นาน แม้ว่าก่อนหน้านี้มีแต่พ่อหมอไทใหญ่เขาใช้แก้โหลง คือยาแก้พิษ สำหรับชาวกะเหรี่ยงจะใช้เป็นยาแก้หวัด และเรียกยาแก้ขม ทั้งๆที่ใบขมมากๆ ส่วนสำหรับยาล้านนา ใช้รักษาโรคเรื้อรังที่เรียกว่า โรคสาน คือ โรคที่มีก้อนเนื้อผิดปกติรวมทั้งฝีต่างๆ และโรคขาง ตือ แผลเปื่อยเรื้อรังตามอวัยวะต่างๆ



ภูมิใจและเป็นเกียรติมากที่สุดคือ ถูกจัดเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมมาก เพราะตั้งแต่ปี 2547 ที่ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จัดทำโครงการ "ชลอวัยไกลโรค" ได้สืบหาสมุนไพรสำหรับผู้สูงอายุ ก็ได้พบผมที่ "บ้านสามขา" จังหวัดลำปาง เริ่มวิจัย จัดทำข้อมูล สรรพคุณพบว่า ป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลาย โดยอัลฟาท๊อกซิน ป้องกันสารพิษไม่ให้ตับเสียจากเบาหวาน และ ไตวาย ปัจจุบันมีขายทั้งต้นสด แห้ง และ แบบผง

สุภาษิต "ขมเป็นยา" ใช้ได้ตรงกับสมุนไพรตัวนี้ เคี้ยวใบสดก็ขม แต่หลังจากอมแล้วกลืนจะรู้สึกหวานคอ แต่ถ้าหากใช้ใบสด 4-5 ใบ ต้มน้ำดื่มก่อนอาหาร 3 เวลา หรือ ตากแห้งทำเป็นผงชาชงก็ลดความขมได้ หรือสะดวกซื้อที่เป็นแคปซูลจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จะได้ไม่ต้องทนชม ภ้าอยากจะปลูกก็แค่เสียบกิ่งปักดิน 1 เดือน ได้กิน รับรอง เก๊าต์ เบาหวาน ความดัน ไม่เข้ามาใกล้เลย

แต่...แหม! ถ้าปลูกไว้ที่บ้านทุกคนแล้ว ทนเคี้ยว-กลืน ต้ม-ดื่ม ลืมคำว่าขม รับรองป่าช้าเหงา กลัวแต่ว่า "สัปเหร่อตกงาน" แน่ๆ อิอิ

นี่แหละจร้าาา  ต้นป่าช้าเหงา สมุนไพรไทยดังไกลไปทั่วโลก


ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Herborg




             จากการศึกษาและได้ร่วมวิจัย   สมุนไพรคาวตอง ในแนวทางของเภสัชศาสตร์สเต็มเซลล์มากกว่า 16 ปี โดยการพัฒนาเภสัชศาสตร์ สารใหม่ๆจากสมุนไพรคาวตอง  ผ่านวิธีการหมักแบบชีวภาพที่ควบคุมระบบนิเวศน์ในถังหมักแบบเฉพาะและการทำให้แห้งโดยไม่ผ่านความร้อน ( Dynamic Freeze Drying )จึงทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพแบบองค์รวม  จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สร้างความภาคภูมิใจของทีมวิจัยของคนไทย ที่มีเภสัชกรอุดม รินคำ ร่วมวิจัย  และนำมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของ Herborg

             ภก.อุดม รินคำ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นสูตร การผลิต สมุนไพรคาวตอง โดยได้รับอนุสิทธิบัตรเกี่ยวกับสมุนไพรคาวตอง  2 ใบ และได้นำสูตรมาพัฒนาให้ดีขึ้นจนเกิดขึ้นมาเป็นสมุนไพรที่ดีที่สุด
มีส่วนประกอบของพลูคาวสกัด และสารเบต้าคลูแคน
·  ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวจำพวก NK CELL (เซลล์(Natural Killer Cells)  ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและฆ่าเซลล์มะเร็งแบบเฉพราะ และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ
·       ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ
·       ช่วยปรับสมดุลการทำงานอวัยวะต่างๆของร่างกาย


******** เลขที่อย. 24-1-09957-1-0091

******** ราคา 1,950 บาท  โปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1

******** ค่าส่งนิ่มซี่เส็ง 150 บาท


******** สั่งซื้อสินค้า คลิกแอดไลน์เลย

สอบถามเพิ่มเติม >> คลิกแอดไลน์เลย

บอกเลยไม่มีวิธีไหนได้มากกว่านี้ รับรองลาขาดค่ะ บุหรี่ !!!





VDO ลูกอมสมุนไพร "สำหรับผู้ที่ต้องการลด ละ เลิก บุหรี่" (ออกอากศ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2550 รายการกล่องดำ)

Fix ลูกอมเลิกบุหรี่ 6แผง (แผงละ 10 เม็ด)แถมฟรี!!ฟิกซ์ 1 แผง

  • ลูกอมจะทำปฏิกิริยากับต่อมรับรสทำให้รสชาติของบุหรี่เปลี่ยนไปในทางที่แย่ ทำให้ไม่อยากสูบบุหรี่
  • ช่วยขับสารพิษตกค้างในร่างกายอันมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่
  • ช่วยให้ชุ่มคอ กลิ่นปากหอมสดชื่น
  • แก้ไอ แก้เจ็บคอ ขับเสมหะ
  • ช่วยลดความอย่ากของนิโคติน โดยที่ไม่ทำให้หงุดหงิดและใจสั่นมือสั่น
  • รสชาติดีอมง่าย
  • ลูกอมสกััดจากสมุนไพรไทยและต่างประเทศ100%

ศึกษาเพิ่มเติม หรือ สั่งซื้อด่วน !!!

  • สกัดจากสมุนไพรกว่า 100 ชนิดอมแล้วลดการอยากบุหรี่
  • ลูกอมจะทำปฏิกิริยากับต่อมรับรสทำให้รสชาติของบุหรี่เปลี่ยนไปในทางที่แย่ ทำให้ไม่อยากสูบบุหรี่
  • ช่วยขับสารพิษตกค้างในร่างกายอันมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่
  • ช่วยให้ชุ่มคอ กลิ่นปากหอมสดชื่น
  • แก้ไอ แก้เจ็บคอ ขับเสมหะ
  • ช่วยลดความอย่ากของนิโคติน โดยที่ไม่ทำให้หงุดหงิดและใจสั่นมือสั่น
  • รสชาติดีอมง่าย
  • ลูกอมสกััดจากสมุนไพรไทยและต่างประเทศ100%
  • เลขที่อย:10-1-30246-5-0001
วิธีใช้ อมหรือเคี้ยวลูกอมให้หมดทุกครั้งก่อนสูบบุหรี่ (วันละประมาณ 3-4 เม็ด)
สูบบุหรี่ 1 ปี อมก่อนเข้านอน 2 เม็ด
สูบบุหรี่ 3 ปี อมก่อนเข้านอน 4 เม็ด
สูบบุหรี่ มากกว่า 5 ปี อมก่อนเข้านอน 6 เม็ด







ขนาดบรรจุ 10 เม็ด/แผง  4กรัม/เม็ด
เลขที่อย:10-1-30246-5-0001

คำถาม :ทำไม Fix ถึงมีรีวิวทุกวัน?
เพราะลูกค้าเราส่วนใหญ่ 90% ใช้แล้วได้ผลจริงๆ
ทำไมน่ะเหรอครับ Fix ช่วยเรื่องพวกนี้ได้ดี
1 ลดนิโคตินในเลือดได้ดี
2 เปลี่ยนรสชาติบุหรี่ที่คุณเคยสูบ ให้แย่ลง
3 ในบางสถานะการเปลี่ยนตัวเองเป็นนิโคตินให้ร่างกายในยามจะลงแดงด้วย
4 ไม่มีสารตกค้างเหมือนพวกหมากฝรั่งด้วย เพราะผลิตจากสมุนไพร 100 %

บอกเลยไม่มีวิธีไหนได้มากกว่านี้ อีกอย่างใจด้วย รับรองลาขาดค่ะ บุหรี่

รีวิวจากผู้ใช้จริง... อ่านเพิ่มเติมได้





ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Herborg




             จากการศึกษาและได้ร่วมวิจัย   สมุนไพรคาวตอง ในแนวทางของเภสัชศาสตร์สเต็มเซลล์มากกว่า 16 ปี โดยการพัฒนาเภสัชศาสตร์ สารใหม่ๆจากสมุนไพรคาวตอง  ผ่านวิธีการหมักแบบชีวภาพที่ควบคุมระบบนิเวศน์ในถังหมักแบบเฉพาะและการทำให้แห้งโดยไม่ผ่านความร้อน ( Dynamic Freeze Drying )จึงทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพแบบองค์รวม  จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สร้างความภาคภูมิใจของทีมวิจัยของคนไทย ที่มีเภสัชกรอุดม รินคำ ร่วมวิจัย  และนำมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของ Herborg

             ภก.อุดม รินคำ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นสูตร การผลิต สมุนไพรคาวตอง โดยได้รับอนุสิทธิบัตรเกี่ยวกับสมุนไพรคาวตอง  2 ใบ และได้นำสูตรมาพัฒนาให้ดีขึ้นจนเกิดขึ้นมาเป็นสมุนไพรที่ดีที่สุด
มีส่วนประกอบของพลูคาวสกัด และสารเบต้าคลูแคน
·  ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวจำพวก NK CELL (เซลล์(Natural Killer Cells)  ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและฆ่าเซลล์มะเร็งแบบเฉพราะ และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ
·       ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ
·       ช่วยปรับสมดุลการทำงานอวัยวะต่างๆของร่างกาย


******** เลขที่อย. 24-1-09957-1-0091

******** ราคา 1,950 บาท  โปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1

******** ค่าส่งนิ่มซี่เส็ง 150 บาท


******** สั่งซื้อสินค้า คลิกแอดไลน์เลย


สอบถามเพิ่มเติม >> คลิกแอดไลน์เลย

Saturday, July 28, 2018

ออกกำลังกาย เพิ่มน้ำหนัก Pantip



20 วิธีเพิ่มน้ำหนัก และ เพิ่มน้ำหนัก (อย่างถูกต้อง+รวดเร็ว) 


ผอมมากอยากอ้วนขึ้น

นอกจากผู้ที่อยากลดความอ้วนแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มที่ลำบากมากพอกัน นั่นก็คือ กลุ่มคนที่ผอมแห้งหรือกินยังไงก็น้ำหนักไม่ขึ้นสักที ซึ่งการปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานและเพิ่มการออกกำลังกายอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว แต่การเพิ่มน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน ถ้าท่านเริ่มต้นด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ท่านก็จะเห็นผลได้ภายในไม่กี่อาทิตย์ถัดมา

กินยังไงก็ไม่อ้วนเพราะ ?

อาการป่วยหรือภาวะบางอย่างอาจทำให้มีน้ำหนักตัวลดลงจนต่ำกว่าเกณฑ์ปกติได้ ซึ่งจะวัดได้จากค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ในร่างกาย หากต่ำกว่า 18.5 ก็จะถือว่ามีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้
  • พันธุกรรม บางคนอาจมีพันธุกรรมเกี่ยวกับการเผาผลาญมากกว่าคนปกติ จึงทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้มากกว่าปกติ ซึ่งมีผลต่อเนื่องทำให้ผอมมีน้ำตัวลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ได้ (คนในครอบครัวมักผอมตามไปด้วย)
  • ปัญหาเกี่ยวกับไทรอยด์ เมื่อเกิดภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ต่อมไทรอยด์จะผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากผิดปกติและส่งผลทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้
  • ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal illnesses) เช่น โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome), โรคแพ้โปรตีนกลูเตน (Coeliac disease), โรคโครห์น (Crohn’s disease) ฯลฯ ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามาถรดูดซึมสารอาหารได้ และส่งผลทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่เพียงพอจนน้ำหนักตัวลดลงต่ำกว่าเกณฑ์
  • โรคเบาหวาน โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งจะมีภาวะน้ำหนักตัวลดลงมากกว่าปกติ เนื่องจากร่างกายขาดอินซูลิน จึงไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ในร่างกายได้ (ส่วนผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นในช่วงที่เริ่มป่วย)
  • โรคการกินผิดปกติ (Eating disorder) คือ ปัญหาทางจิตที่เกี่ยวกับการรับประทานที่ทให้ำน้ำหนักตัวลดลงต่ำกว่าเกณฑ์และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น โรคบูลิเมียเนอร์โวซา (Bulimia nervosa) ซึ่งเป็นโรคที่ทานอาหารแล้วพยายามจะอาเจียนหรือล้วงคอ และโรคอะนอร์เร็กเซียเนอร์โวซา (Anorexia nervosa) ซึ่งเป็นโรคที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร (คลั่งผอม)
  • โรคมะเร็ง อีกสาเหตุของภาวน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ เพราะการรักษาโรคมะเร็งด้วยิวธีต่าง ๆ จะส่งผลทำให้ความอยากอาหารลดลง เช่น การใช้ยาเคมีบำบัด รังสีรักษา
  • สาเหตุอื่น ๆ เช่น เกิดโรคติดเชื้อ
  • การตั้งครรภ์ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาทำให้น้ำหนักตัวลดลงครับ แต่ว่าที่คุณแม่ที่เข้าสู่ภาวะการตั้งครรภ์นนั้นจะต้องมีการเพิ่มน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและลูกน้อยครับ
ในกรณีที่กินมากขึ้นแล้วแต่ก็ยังผอม อาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือโรคแอบแฝงที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มยากได้ แต่ถ้าท่านไปตรวจแล้วไม่มีโรคใด ๆ วิธีการเพิ่มน้ำหนักหลัก ๆ ก็คือ การเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อสร้างเนื้อให้มากขึ้น และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะโปรตีนเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ แล้วลองประเมินผลเป็นดูเป็นระยะ ๆ ถ้าน้ำหนักยังไม่เพิ่มก็แสดงว่าทั้ง 2 ส่วนหลักยังทำได้ไม่มากพอหรือรับประทานไม่พอกับที่ออกกำลังกายไปก็จำเป็นต้องปรับครับ

วิธีเพิ่มน้ำหนัก

วิธีเพิ่มน้ำหนักตัวส่วนใหญ่แล้วจะมุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานและการออกกำลังกายเป็นหลัก โดยสามารถทำได้ดังนี้
  1. ปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพราะคนผอมแห้งหลาย ๆ คนอาจมีโรคซ่อนอยู่ก็ได้ เช่น โรคเกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ ระบบเผาผลาญ โรคติดเชื้อ ฯลฯ ดังนั้น สิ่งที่คุณควรทำก็คือไปหาหมอครับ เพื่อตรวจหาสาเหตุว่าปกติจริง ๆ ไม่ได้มีโรคอะไร
  2. แก้ที่ต้นเหตุของปัญหา สาเหตุที่ทำให้น้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์อาจไม่ได้ลงเอยด้วยการเพิ่มน้ำหนักจากการกินหรือการออกกำลังกายเสมอไป เพราะหากภาวะน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์นั้นเกิดจากปัญหาสุขภาพหรือโรคต่าง ๆ ก็ต้องทำการรักษาที่ต้นเหตุก่อนครับ จึงจะช่วยให้ผู้ป่วยมีความอยากอาหารมากขึ้นและกลับมามีน้ำหนักตัวเท่าเดิมได้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาให้เพิ่มน้ำหนักตัวก็ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ด้วยครับว่าจะแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักด้วยวิธีไหนบ้าง วิธีไหนสำคัญ หรือวิธีไหนไม่ต้องทำ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียกับสุขภาพครับ
  3. อยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์หรือนักโภชนาการ เพื่อช่วยให้การเพิ่มน้ำหนักได้อย่างถูกต้อง ถูกทางไม่เสียเวลา และไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการของท่านก่อนเสมอก่อนที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ หรือเปลี่ยนแปลงการรับประทานอาหารหรือวิธีการออกกำลังกายที่ทำอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ หากมีอาการผิดปกติหรือเกิดการบาดเจ็บระหว่างการออกกำลังกายควรปรึกษาแพทย์ทันที
  4. รับประทานอาหารให้มากขึ้น โดยต้องรับประทานในปริมาณที่มากขึ้นกว่าที่เดิมเพื่อเพิ่มพลังงานแคลอรีให้มากขึ้น แม้ท่านจะต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากและอาจรู้สึกไม่สบายตัวบ้าง แต่มันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเพิ่มน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว (หากได้รับแคลอรีพอดีหรือน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ ร่างกายจะดึงพลังงานจากส่วนอื่นมาใช้)
    • เพิ่มปริมาณของข้าวที่ทาน เพิ่มข้าวเข้าไปอีกครึ่งจานหรือหนึ่งจานในแต่ละมื้อ หรือเติมข้าวอีกจนอิ่ม
    • เพิ่มปริมาณแคลอรี หากกินเพิ่มจากปกติไปอีกวันละ 500 แคลอรีต่อวัน จะช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวได้ประมาณ 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และต้องกินให้มากขึ้นกว่านี้เมื่อต้องออกกำลังกายร่วมด้วย ซึ่งแน่นอนใช่ไหมครับว่าคุณต้องทำ !
    • เน้นอาหารประเภทโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตที่มีแคลอรีสูง ๆ และเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยในการเพิ่มน้ำหนักได้เป็นอย่างดี โดยควรเน้นไปที่การผสมผสานกันระหว่างโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตในทุก ๆ มื้ออาหารเพื่อความสมดุล และนี่คือตัวอย่างของสารอาหารที่เราแนะนำ
      1. โปรตีน เช่น ไข่ อกไก่และน่อง นมสดธรรมดาที่ไม่พรองมันเนย ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาชนิดต่าง ๆ เนื้อหมูย่าง พอร์คชอป แฮม เบอร์เกอร์ สเต็กเนื้อไม่ติดมัน ฯลฯ
      2. ไขมัน เช่น น้ำมันมะกอก (ให้พลังงาน 110 แคลอรี/ช้อนโต๊ะ) น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันมะพร้าว น้ำมันค่าโนล่า (ให้พลังงาน 120 แคลอรี/ช้อนโต๊ะ) และน้ำมันจากเมล็ดองุ่น อะโวคาโด อัลมอนด์ วอลนัท เมล็กแฟลกซ์ (แนะนำให้นำมาใช้ในการปรุงอาหารแทนน้ำมันทั่วไป)
      3. คาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าวกล้อง จมูกข้าวสาลี คอร์นเฟลค ถั่วฝัก ถั่วลันเตา กราโนล่า ขนมปังเบเกิล ขนมปังธัญพืชเต็มเมล็ด พาสตาที่ทำจากธัญพืชเต็มเมล็ด ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มาจากธัญพืชเต็มเมล็ด น้ำผึ้ง น้ำผลไม้ ผักและผลไม้ที่ไม่ฉ่ำน้ำ (มันฝรั่ง ข้าวโพด ถั่วฝัก ถั่วลันเตา แตงต่าง ๆ กล้วย สับปะรด อะโวคาโด ลูกเกด ผลไม้อบแห้ง)
    • เสริมแคลอรีลงในอาหาร ท่านอาจเพิ่มอาหารอื่น ๆ ที่มีแคลอรีและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงลงไปในทุกอาหารจานที่ท่านรับประทนได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องกินจุให้อิ่มอืดจนเกินไป เช่ย การใส่นมผงลงในเครื่องดื่ม ซุป สตูว์ หรือซอสต่าง ๆ, การโรยชีสใส่พวกไข่ตุ๋น ไข่เจียว ซุป สลัด และแซนวิช, การโรยถั่วลงในสลัดหรือคอร์นเฟลค, การโรคเมล็ดแฟลกซ์บดลงในสลัด คอร์นเฟลค หรือสมูทตี้ ฯลฯ
    • ดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูง ๆ ในระหว่างมื้อ เช่น สมูทตี้กับมิลค์เชคที่ทำจากน้ำผลไม้ล้วนกับนมพร่องมันเนย ส่วนการดื่มนมกับน้ำผลไม้ก็ได้เช่นกัน หรือถ้าเป็นโปรตีนเชคได้ก็ยิ่งดี (น้ำอัดลมหรือกาแฟก็ดื่มได้ครับ แต่ไม่ควรมากเกินไป เพราะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่)
    • ตัวอย่างของอาหารมื้อหลัก เช่น อาหารมื้อเช้าควรมีปริมาณมากพอซึ่งอาจประกอบไปด้วยไขคนสามฟอง เบคอนสไลด์หรือไส้กรอก 2 ชิ้น มันฝรั่งอบหนึ่งถ้วย และน้ำส้ม 1 แก้ว ส่วนมื้อกลางวันอาจลองเป็นแซนวิชโฮลวีตไส้ไก่ กล้วย 2 ลูก และสลัด และมื้อค่ำอาจเป็นเมนูอย่างสเต็กย่าง พร้อมด้วยมันอบและผักย่าง 2-3 ถ้วย
    • จดบันทึกอาหารที่กิน ถ้ามีบันทึกน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นด้วยจะดีมาก โดยในแต่ละวันให้จดว่ากินไปกี่แคลอรี แล้วเผาผลาญไปมากแค่ไหน พออครบอาทิตย์ก็มาอ่านทวนดูว่าวิธีไหนที่ใช้แล้วได้ผลดีหรือน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นดีที่สุด และต้องชั่งน้ำหนักทุกวันหรือทุกอาทิตย์ (ขึ้นอยู่กับว่าท่านอยากจะเพิ่มน้ำหนักเร็วขนาดไหน) ในเวลาเดียวกันด้วยเพื่อความแม่นยำ
  5. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักตัวด้วยอาหารขยะเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะแม้มันจะช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวได้อย่างง่ายดาย (เช่น น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว อาหารแปรรูป หรือพิซซ่าถาดใหญ่ทุกวัน) แต่การบริโภคอาหารขยะเหล่านี้ในระยะยาวก็จะทำให้กระบวนการเผาผลาญอาหารถูกทำลายและทำให้ท่านมีไขมันเพิ่มขึ้นมาแทนกล้ามเนื้อ

    • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างเพียงพอและหลากหลาย เพราะสารอาหารที่ครบถ้วนต่าง ๆ จะช่วยให้การเพิ่มน้ำหนักตัวของท่านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (แต่ก็ไม่ควรเน้นไปที่สารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากจนเกินไป)
    • ควรเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น แป้งที่มีคุณภาพอย่างข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือที่ไม่ผ่านการขัดสีมากนัก ขนมปังโฮลวีท ผักและผลไม้อย่างข้าวโพด เผือก หรือมันอบ ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่ว ธัญพืชต่าง ๆ และโปรตีนไขมันต่ำจากปลา ส่วนอาหารมันและหวานมากเกินไป รวมถึงอาหารกึ่งสำเร็จรูปนั้น ควรลดหรือหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพในภายหลังครับ
    • เวย์โปรตีนเพิ่มน้ำหนัก สร้างกล้ามเนื้อ ทานได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย รสซ็อคโกแลต
    • เน้นอาหารพวกโปรตีน เพราะโปรตีนจะช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ (ที่ไม่รวมไขมัน) และสำคัญต่อการเล่นเวทเทรนนิ่ง เพราะฉะนั้นถ้ากล้ามเนื้อเรามีมากขึ้น น้ำหนักตัวก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปด้วยโดยไม่ใช่การเพิ่มพูนของไขมัน โดยแหล่งโปรตีนชั้นดีในอาหารก็คือ โปรตีนจากปลา ไข่ เนยถั่ว ธัญพืช ถั่วและเมล้ดพืชต่าง ๆ
    • เพิ่มโปรตีนจากปลาให้มากขึ้น ถ้าท่านอยากได้กล้ามเนื้อร่างกายที่มีไขมันน้อยก็ควรเน้นการรับประทานโปรตีนจากเนื้อปลาให้มากขึ้น โดยเฉพาะปลาที่ปรุงด้วยวิธีการต้มหรือนึ่ง และที่สำคัญจะต้องรับประทานโปรตีนให้เพียงกับที่ออกกำลังกายไปด้วยครับ
    • รับประทานน้ำตาลและไขมันควบคู่ไปกับอาหารที่มีประโยชน์เสมอ เพื่อให้ร่างกายได้รับอาหารอย่างสมดุล เช่น ไข่ทั้งฟอง โยเกิร์ตกับธัญพืช เนยถั่วกับขนมปังที่ทำจากแป้งไม่ผ่านการขัดสี ฯลฯ
    • IMAGE SOURCE : www.gainingtactics.com
      1. เพิ่มมื้ออาหารเป็น 5-6 มื้อ (อาหารมื้อรอง) หากปกติที่ร่างกายของท่านมีระบบเผาผลาญที่รวดเร็วอยู่แล้ว การรับประทานอาหารเพียงวัน 3 มื้อหลักก็คงจะไม่สามารถช่วยเพิ่มน้ำหนักได้ อีกทั้งผู้ที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ส่วนใหญ่ก็มักจะอิ่มเร็วอยู่แล้ว ท่านจึงจำเป็นต้องบริโภคอาหารให้ได้มากขึ้นจาก 3 เป็น 5-6 มื้อ ซึ่งจะช่วยให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี (แต่ห้ามลดปริมาณ 3 มื้อหลัก เพราะเห็นว่าต้องกินบ่อย ๆ เด็ดขาด และควรเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยโปรตีน แป้ง ผัก และไขมัน หรืออาหารที่มีแคลอรีจำนวนมากในทุก ๆ มื้อ เพราะการรับประทานอาหาร 5-6 มื้อที่แต่ละมื้อมีแคลอรีต่ำก็ไม่สามารถช่วยเพิ่มน้ำหนักได้ ซึ่งนอกจากแต่ละมื้อจะต้องเยอะแล้วก็ยังต้องอุดมไปด้วยแคลอรีด้วยนั่นเอง) โดยให้ค่อย ๆ เพิ่มจาก 4 เป็น 5-6 มื้อเท่าที่ยังไหวและไม่ฝืนตัวเองมากจนเกินไป
      2. ไม่ปล่อยให้หิวหรือรอจนท้องร้องและรับประทานของว่างบ่อย ๆ หรือกินจุบกินจิบ (อาหารว่าง) นอกจากเพิ่มมื้ออาหารรองแล้ว ท่านก็ควรหาของว่างที่อุดมไปด้วยแอลคอรีมารับประทานด้วย ไม่ว่าจะเป็นบางครั้งที่มื้อหลักหรือมื้อรองที่ท่านรับประทานได้ไม่เพียงพอ ระหว่างมื้ออาหาร รวมถึงในช่วงดึกหรือก่อนเข้านอน (เพราะเวลาที่ท่านนอนร่างกายจะสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อไร้ไขมันได้ดีกว่า) ส่วนอาหารว่างที่แนะนำก็เช่น มิกซ์นัท ผลไม้แห้ง ลูกเกด กล้วย เนยถั่ว ถั่วชนิดต่าง ๆ ธัญพืชอบแห้งที่หลากหลาย ชีส หรือผลไม้ต่าง ๆ ฯลฯ พูดง่ายๆ ก็คือ อย่าปล่อยให้ช่วง 4 ชั่วโมงผ่านไปโดยไม่มีอะไรตกถึงท้อง
      3. ไม่ดื่มเครื่องดื่มก่อนมื้ออาหาร เพราะการดื่มน้ำก่อนหรือดื่มระหว่างการรับประทานอาหารจะทำให้อิ่มเร็วขึ้นและทานได้น้อยลง แต่ถ้าจะดื่มก็ควรเป็นเครื่องดื่มที่มีแคลอรี เช่น น้ำหวาน น้ำผลไม้ ควบคู่ไปกับการรับประทานหรือขนมจะดีกว่า ส่วนน้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้จะมีแคลอรีสูงแต่ก็ไม่ดีต่อสุขภาพ จึงไม่ขอแนะนำครับ
      4. กินให้เร็วขึ้น เพราะการรับประทานอาหารช้า ๆ มันก็เหมือนกับการที่เรากินไปย่อยไปด้วย ซึ่งจะทำให้อิ่มเร็วขึ้น แต่ถ้าท่านลองเปลี่ยนมากินให้เร็ว ท่านก็จะมีโอกาสกินเข้าไปได้เยอะขึ้นกว่าเดิมก่อนที่ร่างกายจะรู้สึกอิ่ม
      5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะน้ำจะช่วยร่างกายในการดำเนินการต่อโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตที่ท่านบริโภคเข้ามา และเนื่องจากท่านจะต้องออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อเสริมสร้างมวลร่างกายด้วย ก็ควรตั้งเป้าในการดื่มน้ำให้ได้วันละ 10 แก้ว (สามารถดื่มน้ำผลไม้ ชาที่ไม่หวาน หรือเครื่องดื่มสุขภาพอื่น ๆ แทนได้ แต่ก็ควรเป็นเครื่องดื่มที่ไม่หวานมากจนเกินไป (ช่น น้ำผลไม้บางอย่าง เครื่องดื่มเกลือแร่ต่าง ๆ ที่ประกอบด้วยน้ำตาลเป็นจำนวนมาก)
      6. เพิ่มความอยากอาหาร ถ้าปกติท่านเป็นคนไม่ค่อยหิว ผมก็ขอแนะนำวิธีที่ช่วยเพิ่มความอยากอาหารระหว่างมื้อ เช่น
        • เดินเล่นก่อนอาหารสัก 30 นาที แต่ถ้าไม่ชอบเดินก็เปลี่ยนไปเป็นกิจกรรมอื่น ๆ ก็ได้ครับ
        • เลือกรับประทานอาหารที่ชอบ โดยให้ลองเลือกอาหารที่คุณชอบมากเยอะ ๆ และกินแบบตามใจปากกันไปเลย เพื่อที่ร่างกายจะได้ชินกับการกินอาหารในปริมาณมากได้ดียิ่งขึ้น (แต่อย่ากินไปตลอดหรือกินบ่อย ๆ ละครับ โดยเฉพาะอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ถ้าปรับตัวได้แล้วก็ให้หันมากินอาหารตามที่แนะนำไปครับ)
        • ปรุงรสอาหาร เพราะคนเรามักติดรสหวานเค็มมากกว่าอาหารรสจืด ๆ ซึ่งคุณอาจเหยาะพวกเครื่องเทศหรือสมุนไพรลงไปหน่อยก็ดี แต่อย่าเผลอไปใส่สมุนไพรที่มีสรรพคุณยับยั้งการเจริญอาหารอย่างใบมินต์หรือสะระแหน่ละครับ
        • ออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้เกิดความอยากอาหารได้มากขึ้น ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการทานอาหารได้น้อยหรือไม่ค่อยอยากทานอาหาร จึงควรออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายรู้สึกหิวและทานได้มากขึ้น
        • วิตามินหรืออาหารเสริมเพิ่มน้ำหนัก ท่านอาจเลือกกินวิตามินหรืออาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มความอยากอาหารได้อย่างพวกวิตามินบีรวม (อ่านเพิ่มเติมในข้อถัดไป)
      7. เพิ่มน้ำหนักด้วยการดื่มนม (GOMAD) เป็นวิธีที่อาจฟังดูง่าย แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะแม้จะดื่มง่าย แต่ถ้าคุณใช้วิธีดื่มนมแบบ GOMAD (Gallon Of Milk A Day) คุณก็จะต้องดื่มนมมากถึงวันละ 5 ลิตร ดื่มทุกวัน เฉลี่ยกันไปทุก ๆ 3 ชั่วโมง อาจจะครั้งละ 1 ลิตร วันละ 5 ครั้งก็ได้ (เช้า กลาง ก่อนออกกำลังกาย เย็น และก่อนนอน) ส่วนนมที่จะเลือดดื่มนั้นก็จะต้องเป็นนม Whole milk ยี่ห้อไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ Low Fat milk, Skim milk, Soy milk หรือ Almond milk ที่ให้เเคลอรีเเละสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่น้อยกว่า
        • การดื่ม Whole milk วันละ 5 ลิตร ท่านจะได้รับโปรตีน 155.6 กรัม เพื่อเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังเป็นโปรตีนแบบเคซีน (Casein) กว่า 80% และคาร์โบไฮเดรต 266.7 กรัม เพื่อเป็นขุมพลังงานหลักของร่างกาย อีกทั้งยังได้แคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและสร้างกล้ามเนื้อ (การได้รับแคลเซียมน้อยจะส่งผลต่อการหดตัวของมัดกล้ามเนื้อ ซึ่งการหดตัวไม่ดีของกล้ามเนื้อจะทำให้เกิดอาการอ่อนล้าและออกแรงได้ไม่เต็มที่ และส่งผลให้ท่านไม่สามารถเพิ่มน้ำหนักตัวได้ดีเท่าที่ควร) และมีลิวซีน (Leucine) ที่เป็นตัวกระตุ้นการย่อยสลายและสังเคราะห์โปรตีนของร่างกาย จึงทำให้สามารถดูดซึมโปรตีนไปสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
        • ปกติแล้วในบ้านเราจะขายเป็นขวด 2 ลิตร (ขวดละประมาณ 90 บาท) ถ้ากินวันละ 2.5 ขวดหรือ 5 ลิตร ก็จะตกวันละ 225 บาท และได้พลังงานสูงถึง 3,111 แคลอรี ซึ่งถ้าเทียบกับอาหารที่ต้องกินให้ครบ 3,000 แคลอรี ก็ถือว่าถูกกว่ามากครับ แต่เมื่อดื่มนมมากขนาดนี้ท่านก็จำเป็นต้องฝึกเวทเทรนนิ่งควบคู่กันไปด้วย (ไม่งั้นมีหวังได้ลงพุงอย่างแน่นอนครับ) โดยให้เน้นท่าฝึกที่มีการเคลื่อนไหวหลายข้อต่อ (Compound movement) เช่น Squat, Deadlift, Bench press, Overhead press, Barbell row ฯลฯ ซึ่งถ้าท่านทำได้ตามนี้ก็จะสามารถเพิ่มน้ำหนักได้ทุกอาทิตย์อย่างแน่นอน
        • อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง เพราะการดื่มนมมาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดท้องเสียได้ และนมที่เลือกดื่มก็มีไขมันอยู่มาก การดื่มในปริมาณมากขนาดนี้จึงทำให้ร่างกายสะสมไขมันเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนแลคโตส น้ำตาลในน้ำตาล เมื่อถูกเก็บในตับจนล้นแล้ว ร่างกายก็จะเปลี่ยนเป็ยไขมันก่อนที่จะเอาไปเก็บสะสมในร่างกายอีก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะไม่ได้มาจากกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว เพราะจะมีไขมันแถมมาด้วย แต่ผมมองว่าการมีกล้ามเนื้อมาก การลีน การลดไขมัน ในภายหลังก็เป็นเรื่องง่ายอยู่แล้วครับ
        • วิธีนี้จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 เดือนไม่เกินนั้น ถ้าได้น้ำหนักตามเป้าหมายแล้วก็ให้กลับมาคุมอาหารตามปกติ
      8. ออกกำลังกายเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มน้ำหนักต้องทำอย่างถูกวิธีและทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้มากขึ้นและฟิตกระชับ (แม้น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้อ้วนแต่อย่างใด) ต้องเป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ (Weight trainning) เวทเทรนนิ่งคือส่วนสำคัญอย่างมากต่อการเพิ่มน้ำหนัก ซึ่งคุณสามารถฝึกฝนการเล่นเวทเทรนนิ่งได้ที่ยิมหรือหาอุปกรณ์ที่จำเป็นในการฝึกมาเล่นที่บ้านก็ได้ด้วยบาร์เบลและชุดเครื่องมือถ่วงน้ำหนัก (เวท) โดยมีข้อแนะนำว่าควรออกกำลังกายในส่วนแขน หลังหน้าอก หน้าท้อง และขา ให้เท่า ๆ กัน และแทนที่จะออกทุกส่วนกล้ามเนื้อภายในวันเดียว ก็ควรสลับหมุนเวียนระหว่างการออกกำลังกายแต่ละส่วนเพื่อให้แต่ละกลุ่มกล้ามเนื้อได้มีเวลาพักในระหว่างการฝึกด้วย ซึ่งแน่นอนครับว่าท่านจะต้องวางแผนการออกกำลังกายแต่ละส่วนกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอของแต่ละสัปดาห์ให้ดี เช่น วันแรกออกกำลังที่แขนและอก วันต่อมาเน้นออกกำลังที่ขาและกล้ามเนื้อหน้าท้อง และวันต่อมาให้ออกกำลังที่หลังและหน้าอก เป็นต้นหลักการการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ มวลกล้ามเนื้อจะถูกสร้างขึ้นมาก็ต่อเมื่อเส้นใยเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อของท่านถูกใช้งานอย่างหนักมากกว่า โดยท่านสามารถทำได้โดยการยกเวทที่มากพอและยกซ้ำจนกล้ามเนื้อรู้สึกเหนื่อยและปวด (ไม่ใช่ปวดอย่างแสนสาหัสนะครับ) ซึ่งอาจจะสัก 10-12 ครั้งต่อยกกำลังดีก่อนที่จะยกซ้ำต่อไม่ไหว (ถ้ายังรู้สึกไหวสบาย ๆ ก็ให้เพิ่มน้ำหนักของเวทมาอยู่ในระดับที่พอยกไหวตามจำนวนครั้งที่กำหนด หรือถ้าทำได้ไม่เกิน 5 ครั้ง ให้ลดน้ำหนักของเวทลงมาครับ) และต้องมีการพักระหว่างยกประมาณ 1 นาทีแล้วค่อยทำต่อ (สำหรับผู้หญิงที่กังวลว่าเล่นเวทแล้วจะมีกล้ามใหญ่ล่ำขอบอกเลยว่าไม่ต้องกลัวครับ เพราะมันทำได้ยากมาก ๆ ขนาดคนที่เล่นมานานพยายามเบ่งกล้ามก็ยังไม่ค่อยจะขึ้นเลยครับ แต่สิ่งที่แน่นอนคือกล้ามเนื้อที่ดูกระชับและมีพลังครับ)
        • การฝึกกล้ามเนื้อที่ได้ผลดีจะต้องเน้นฝึกท่าที่มีการเคลื่อนไหวมากกว่าหนึ่งข้อต่อ (Compound movement) เช่น Squats, Deadlift, Overhead presses, Bench presses, Barbell rows, Dips, Pull-ups, Chin-ups, Bicep curls, Leg presses, Leg curls, Crunches
        • ท่านสามารถออกกำลังกายแบบแรงต้านซึ่งเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อโดยไม่ใช้เวทเสริมด้วยก็ได้ ซึ่งการวิดพื้นก็ถือว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้น หรือท่านจะติดตั้งบาร์โหนบริเวณทางเข้าประตูเพื่อออกกำลังแขนและหน้าอกได้ด้วยก็ยิ่งดี
        • กินโปรตีนแบบชง (Protein shake) ทันทีหลังการออกกำลังกายในแต่ละครั้ง ซึ่งจะช่วยให้ท่านมีความอึดและทนทานมากขึ้นในระหว่างการออกกำลังกาย
        • ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรคบิคหรือคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ เพราะวิธีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักมากกว่า (แต่ถ้าท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบคาร์ดิโอและไม่ต้องการจะเลิกมัน ผมก็แนะนำว่าควรจะเลือกกิจกรรมที่ใช้พลังงานน้อย เช่น การเดิน ปีนเขา หรือปั่นจักรยานระยะสั้นบนพื้นราบ)
        • 14.พิจารณาจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว ในช่วงแรก ๆ ที่ท่านยังไม่รู้ว่าจะโฟกัสหรือเริ่มจากตรงไหน ท่านอาจพิจารณาจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวภายในเวลาไม่กี่ครั้งก็ได้ เพื่อจะทราบถึงแนวทางและขอคำแนะนำที่ถูกต้องได้ ซึ่งสิ่งที่ท่านจะได้ก็คือตารางเวลาการฝึก รูปแบบ ความหนัก ระยะเวลาที่ดีในการออกกำลังกาย วิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง และวิธีการรับประทานที่มักจะเป็นลักษณะเฉพาะตัวกับท่าน ส่วนราคาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่ครับ
        • 15.พักผ่อนอย่างเพียงพอ นอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-9 ชั่วโมง เพราะร่างกายจะสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อไร้ไขมันตอนที่ท่านนอนหลับ ถ้าแต่ละคืนท่านนอนได้เต็มอิ่ม ร่างกายก็จะได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและสร้างมวลกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น แต่หากนอนน้อยเพียง 6 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้น ท่านก็จะไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างสูดสุดจากการออกกำลังและการรับประทานอาหาร
        • 16.ลดการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย (แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องไม่ออกกำลัง) เช่น หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็นั่งพักผ่อนให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ร่างกายผ่อนคล้ายมากขึ้นและทำให้ระบบการเผาผลาญทำงานได้ลง
        • 17.เลิกสูบบุหรี่ เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ แล้ว การสูบบุหรี่ยังไปกดความอยากอาหารซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มน้ำหนักของท่านด้วย แต่ถ้าท่านเลิกไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้งดสูบบุหรี่หลายชั่วโมงหน่อยก่อนจะถึงมื้ออาหารหลัก
        • 18.กำจัดความเครียด เพราะความเครียดจะทำให้ฮอร์โมนต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้ไม่ดีและส่งผลต่อการเพิ่มน้ำหนัก 
        • 19.ยาหรืออาหารเสริมเพิ่มน้ำหนัก ยาเพิ่มน้ำหนัก อาหารเสริมเพิ่มน้ำหนัก ยาเพิ่มกล้ามเนื้อ หรือโปรตีนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ อาจไม่ได้มีสรรพคุณตามที่กล่าวอ้างอย่างที่คิดและอาจไม่จำเป็นสำหรับคุณ เพราะยาหรืออาหารเสริมเหล่านี้ที่พบขายกันทั่วไปก็มักจะเป็น “วิตามินรวมหรือยาที่กระตุ้นความอยากอาหาร” ซึ่งก็ต้องบอกตามตรงครับว่าแพงเกินจริงและไม่ได้ช่วยเพิ่มน้ำหนักได้โดยตรง เพียงแต่กระตุ้นความอยากอาหารให้เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่ค่อยไม่แนะนำให้เลือกใช้เป็นวิธีแรก ๆ เพราะอยากให้ท่านลองปรับเรื่องการกินและการออกกำลังกายให้ดีก่อน
          • วิตามินและแร่ธาตุที่สามารถเพิ่มความอยากอาหารได้ คือ วิตามินเอและวิตามินบีรวม เพราะจะช่วยเร่งการเผาผลาญแป้ง ไขมัน โปรตีน เพื่อให้เป็นพลังงาน ดังนั้น ผู้ที่รับประทานจึงมีอาการหิวบ่อยขึ้น รวมถึงมีแคลเซียม แมกนีเซียม ทองแดง ซิงค์ บริเวอร์ยีสต์ หรืออาหารเสริมจำพวกโปรตีนนั้นจะช่วยสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ และยังช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้ แต่ข้อบ่งใช้ของยาหรืออาหารเสริมที่ได้ขึ้นทะเบียนเหล่านี้ก็แนะนำให้ใช้กับผู้ที่ขาดวิตามินและเกลือแร่นั้น ๆ เป็นหลัก
          • โปรตีนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ การรับประทานโปรตีนเสริมเพื่อให้ร่างกายนำไปสร้างกล้ามเนื้อได้นั้นมีขีดจำกัดของมันอยู่ หากท่านรับประทานมากเกินขีดความสามารถ ร่างกายก็ไม่อาจสร้างกล้ามเนื้อได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การได้รับโปรตีนมากเกินไปก็อาจเป็นผลเสียต่อไตได้ เพราะไตจะต้องทำงานอย่างหนักในการกำจัดสารประกอบไนโตรเจน
          • โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์ที่มีขายกันถ้าเป็นพวกวิตามินที่ขึ้นทะเบียนเป็นอาหารเสริมก็คงจะไม่เป็นอันตราย (แม้บางทีอาจกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง) แต่ถ้าเป็นยาที่ช่วยเจริญอาหารอย่างยาไซโปรเฮปตาดีน (Cyproheptadine) หรือยาพิโซติเฟน(Pizotifen) ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นยานั้น (อ่านเพิ่มเติมในหัวข้อด้านล่าง) ความปลอดภัยในการใช้ก็ต้องขึ้นอยู่กับโรคร่วมของผู้ป่วยด้วยว่ามีอะไรบ้าง ถ้าไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ หรือไม่ใช่ผู้สูงอายุก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้บ้างขึ้นอยู่กับยาที่ใช้ ในกรณีนี้จึงแนะนำว่าถ้าท่านไม่มั่นใจถึงความปลอดภัยก็อาจสอบถามไปทางองค์การอาหารและยาได้ว่าขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องหรือไม่ และอาจมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายอย่างอื่นที่ผู้ผลิตอาจใส่ลงไปโดยที่ไม่แจ้งให้ผู้บริโภคทราบหรือไม่ เช่น อาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ซึ่งแม้จะมีผลทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม แต่ในระยะยาวยสเตียรอยด์เหล่านี้ท่านเผลอไปใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและใช้เกินขนาดจะไปเพิ่มเซลล์ไขมันในร่างกายแทน ซึ่งก็อาจทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุงตามมา มีไขมันพอกบริเวณคอและใบหน้า หรือเกิดภาวะกระดูกพรุน จึงอาจจะต้องดูเป็นผลิตภัณฑ์ ๆ ไป ยังไงก็ขอให้พิจารณาดูให้ดีก่อนใช้นะครับ
          • โดยสรุป ท่านควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพิ่มน้ำหนักเสมอ เพราะนอกจากเหตุที่ผลกล่าวไปแล้ว วิตามินประเภทที่ละลายในไขมันได้ดีที่หากได้รับมากเกินไปก็จะไปเก็บสะสมไว้และทำให้เกิดพิษจากวิตามินแต่ละชนิดได้ รวมถึงผู้ที่มีภาวะหรือโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น การตั้งครรภ์ ก็จะมีข้อควรระวังในการใช้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ก่อนจะซื้อยาหรืออาหารเสริมเพิ่มน้ำหนักใด ๆ ก็ตาม ท่านควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้เสมอ
        • ทำอย่างจริงจังสม่ำเสมอและอย่าล้มเลิก การลดน้ำหนักก็เหมือนการเพิ่มน้ำหนักที่ต้องค่อย ๆ เพิ่มทีละน้อยจึงจะปลอดภัย ไม่แนะนำให้หักโหมเพิ่มอย่างรวดเร็วเพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เมื่อน้ำหนักถึงเกณฑ์ที่พอใจแล้วก็ให้พยายามควบคุมไว้ให้คงที่ แต่ผู้ที่ยังไม่สามารถเพิ่มน้ำหนักได้นั้นและท่านก็ไม่ได้มีโรคหรือภาวะที่ส่งผลต่อการเพิ่มน้ำหนัก อาจหมายความว่าท่านยังไม่จริงจังและมีระเบียบกับตัวเองให้มากพอ หรือท่านอาจเลือกที่จะหันไปใช้ตัวช่วยต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังปรับเรื่องการรับประทานอาหารได้ไม่ดี ยังขี้เกียจทานให้มากขึ้น หรือเพราะเป็นคนเบื่อง่าย กินอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ ที่มีประโยชน์ไม่ค่อยได้ หรือไม่คิดแม้แต่จะออกกำลังกาย ทำไปแปป ๆ ก็ล้มเลิกเพราะไม่เห็นความแปลงแบบทันทีทันใด นี่แหละครับคือสาเหตุ
        • สูตรเพิ่มน้ำหนัก คือ ปรึกษาแพทย์เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้มีโรคหรือภาวะที่ส่งผลต่อการเพิ่มน้ำหนัก กินอาหารให้มากขึ้น เน้นการออกกำลังกายเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ (เล่นเวท) กินโปรตีนเสริมให้มากพอ (เช่น อกไก่ ไข่ เวย์โปรตีน) และพักผ่อนให้เพียงพอ = น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น

          ยาเพิ่มน้ำหนัก

          ยาช่วยเจริญอาหาร (หรือที่มักเรียกกันว่า “ยาเพิ่มน้ำหนัก”) คือ ยาไซโปรเฮปตาดีน (Cyproheptadine) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อการค้าว่า “เพอริแอคติน” (Periactin) และยาพิโซติเฟน (Pizotifen) เป็นยาแก้แพ้ที่ใช้แล้วมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการง่วงนอนและอื่น ๆ โดยออกฤทธิ์กระตุ้นให้ร่างกายมีฮอร์โมนอินซูลินสูงขึ้น ทำให้ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดต่ำ เมื่อน้ำตาลต่ำก็จะไปกระตุ้นที่ศูนย์ความหิวในสมอง จึงทำให้เกิดอาการหิวหรืออยากกินอาหารมากขึ้น บ่อยขึ้น จึงช่วยให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในทางอ้อมได้
          สำหรับยาไซโปรเฮปตาดีนในผู้ใหญ่ให้รับประทานครั้งละ ½ – 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ส่วนยาพิโซติเฟน ในผู้ใหญ่ให้เริ่มต้นด้วยขนาดวันละ 1 เม็ด หรือขนาด 0.5 mg. แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็น 0.5 มก. วันละ 3 มื้อ
          อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้ก็จะมีผลข้างเคียงหลายอย่าง ในการใช้จึงต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือขอคำแนะนำก่อนใช้ยาจากเภสัชกรที่ร้านขายยาก่อนเสมอ ส่วนขนาดและระยะเวลาที่เหมาะสมของการใช้ยาต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น
          เอกสารอ้างอิง
          1. WebMD.  “Healthy Ways to Gain Weight”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.webmd.com.  [06 ก.พ. 2017].
          2. SHAPE.  “5 Ways to Gain Weight In a Healthy Way”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.shape.com.  [07 ก.พ. 2017].
          3. Men’sHealth.  “Eat Like NFL Players Do to Gain Weight and Add Muscle”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.menshealth.com.  [07 ก.พ. 2017].
          4. MEN’SFITNESS.  “10 ways to gain muscle”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.mensfitness.com.  [07 ก.พ. 2017].
          5. Bodybuilding.  “The Complete Guide To Gaining Good Weight”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.bodybuilding.com.  [07 ก.พ. 2017].
          6. PEAKPERFORMANCE.  “Energy drink: do protein shakes improve performance?”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.peakendurancesport.com.  [07 ก.พ. 2017].
          เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (MedThai)
          ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Herborg




                       จากการศึกษาและได้ร่วมวิจัย   สมุนไพรคาวตอง ในแนวทางของเภสัชศาสตร์สเต็มเซลล์มากกว่า 16 ปี โดยการพัฒนาเภสัชศาสตร์ สารใหม่ๆจากสมุนไพรคาวตอง  ผ่านวิธีการหมักแบบชีวภาพที่ควบคุมระบบนิเวศน์ในถังหมักแบบเฉพาะและการทำให้แห้งโดยไม่ผ่านความร้อน ( Dynamic Freeze Drying )จึงทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพแบบองค์รวม  จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สร้างความภาคภูมิใจของทีมวิจัยของคนไทย ที่มีเภสัชกรอุดม รินคำ ร่วมวิจัย  และนำมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของ Herborg

                       ภก.อุดม รินคำ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นสูตร การผลิต สมุนไพรคาวตอง โดยได้รับอนุสิทธิบัตรเกี่ยวกับสมุนไพรคาวตอง  2 ใบ และได้นำสูตรมาพัฒนาให้ดีขึ้นจนเกิดขึ้นมาเป็นสมุนไพรที่ดีที่สุด
          มีส่วนประกอบของพลูคาวสกัด และสารเบต้าคลูแคน
          ·  ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวจำพวก NK CELL (เซลล์(Natural Killer Cells)  ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและฆ่าเซลล์มะเร็งแบบเฉพราะ และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ
          ·       ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ
          ·       ช่วยปรับสมดุลการทำงานอวัยวะต่างๆของร่างกาย


          ******** เลขที่อย. 24-1-09957-1-0091

          ******** ราคา 1,950 บาท  โปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1

          ******** ค่าส่งนิ่มซี่เส็ง 150 บาท


          ******** สั่งซื้อสินค้า คลิกแอดไลน์เลย

          สอบถามเพิ่มเติม >> คลิกแอดไลน์เลย