Friday, June 15, 2018

น้ำตาล เพชรฆาตเงียบที่ทุกๆคนทั่วโลก ตะลึง!!!


องค์กรแพทย์จุฬา ทำคลิปนี้ได้ดีมาก อยากให้ดูและช่วยเผยแพร่ในไลน์ต่างๆ ไม่เคยคิดเลย ว่าโทษของน้ำตาลที่เรากินจะน่ากลัวขนาดนี้

 น้ำตาล สารให้ความหวานที่อยู่คู่กับคนไทยมานานแสนนาน มีติดไว้ในครัวทุกบ้านทั่วไทย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อาหารทุกอย่างนั้นต้องมีน้ำตาลเป็นเครื่องปรุงรสทั้งสิ้น เพราะคนไทยนั้นทานอาหารรสจัด เปรี้ยว เค็ม และหวานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 
       
       น้ำตาลสามารถแบ่งออกได้มากมายหลายประเภท ซึ่งที่นิยมในท้องตลาดและประชาชนใช้ทุกบ้านนั่นก็จะเป็นน้ำตาลทรายขาว ที่ได้จากการนำน้ำตาลทรายดิบที่ผ่านกระบวนการคัดกรองมาแล้ว อีกทั้งยังนิยมใช้ในอุตสาหกรรม น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง หรือแม้กระทั่งยา อีกด้วย
       
       นอกจากนี้ยังมีน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทรายแดง ที่มีทำมาจากน้ำอ้อย และน้ำเชื่อม ที่ได้จากการแปรสภาพจากผลึกของน้ำตาลเป็นน้ำเชื่อม นิยมนำมาใช้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว 
       
       น้ำตาลนั้นไม่ได้ให้เพียงแค่ให้รสชาติหวานเท่านั้น ยังมีประโยชน์และโทษอยู่ด้วย หากร่างกายของคนเราบริโภคน้ำตาลมาก หรือน้อยเกินไปจะเกิดผลเสียอะไรบ้างนะ 


 ประโยชน์ของน้ำตาล
       
       1. น้ำตาลช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ ภายในร่างกาย ช่วยให้พลังงานไปหล่อเลี้ยงระบบต่างๆ ให้ทำงานได้ดีขึ้น 
       2. น้ำตาลช่วยลดความเครียดได้ มีส่วนช่วยให้สมองหลั่งสารเอนโดฟินออกมา
       3. น้ำตาลช่วยระงับการลุกลามของการติดเชื้อจากแผลและทำให้แผลหายไวขึ้น
       4. น้ำตาลรักษาอาการท้องร่วงได้ จากการนำน้ำตาลผสมกับน้ำเกลือเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
       5. น้ำตาลช่วยให้ระบบเผาผลาญและกระบวนการขับของเสียทำงานได้ดี
       
       ผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากเราบริโภคน้ำตาลมากเกินไป
       
       1. ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิต และทำให้ฟันผุอีกด้วย
       2. ทำให้เลือดหนืดข้นมากขึ้น เลือดจะไหลเวียนนำไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกายได้ช้า และทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะผิดปกติ
       3. ทำให้เกิดไขมันสะสม จนทำให้อ้วน เนื่องจากน้ำตาลจะถูกเก็บไว้ในตับ ส่งไปในกระแสเลือดและเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน เมื่อตับทำงานไม่ทันกับปริมาณของน้ำตาล ก็จะทำให้กลายเป็นไขมันสะสมในร่างกายมาก
       4. ทำให้อาการของโรคติดเชื้อที่เป็นอยู่หนักขึ้น
       5. ส่งผลกับอารมณ์ ทำให้กระสับกระส่าย มีอาการซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ และไม่มีสมาธิ
       6. การบริโภคน้ำตาลมากๆ ทำให้ง่วง เพราะน้ำตาลมีผลต่อการทำงานของระบบสมองและร่างกาย 

ปัจจุบันคนไทยนั้นมีผู้ป่วยเป็นโรคต่างๆ ที่สาเหตุมาจากน้ำตาลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาหารก็เป็นส่วนสำคัญในการเกิดโรคเช่นกัน อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงก็จะเป็น ประเภทขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว ช็อกโกแลต เยลลี่ต่างๆ นม ข้าวขาว และขนมปัง ไม่เท่านั้นผลไม้ที่เราต่างคิดกันว่าน้ำตาลน้อยมีประโยชน์นั้นก็อุดมไปด้วยน้ำตาลมากมาย เช่น ทุเรียน กล้วยต่างๆ ลำไย ขนุน ลองกอง เงาะ ลางสาด และละมุด 
       
       เพราะฉะนั้นเราจะทานอะไรควรคำนึงถึงปริมาณที่ถูกต้องและพอเหมาะ องค์การอนามัยโลกรับรองว่าไม่ควรเกินร้อยละ 5 ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน เท่ากับ 4 ช้อนชา หรือ 20 กรัมต่อวันเพียงเท่านั้น ยิ่งสำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักนั้นควรคำนึงถึงการบริโภคน้ำตาลให้มาก โดยการหันมาบริโภคสารให้ความหวานแทน 
       
       สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ได้แก่
       
       แอสปาแตม เป็นสารให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลมากถึง 200 เท่า ไม่ทำให้ฟันผุ และไม่กระตุ้นน้ำตาลในเลือดให้สูง โดยจะสกัดมาจากสารเคมี
       
       ซูคราโลส ป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัยมาก แต่ไม่ได้ให้พลังงาน หวานกว่าน้ำตาลทั่วไปถึง 600 เท่า และไม่ทำให้ฟันผุ
       
       หญ้าหวาน ให้พลังงานน้อยมาก แต่เป็นสารให้ความหวานที่ดีที่สุด ธรรมชาติและไม่ทำให้เกิดอันตรายเมื่อบริโภค และหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 250-300 เท่า
       
       อย่างไรก็ตามการบริโภคน้ำตาลไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลแท้หรือสารให้ความหวานก็อาจจะนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บได้หากบริโภคเกินกว่าที่พอเหมาะพอควร ทางที่ดีควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกาย เริ่มต้นดูแลสุขภาพตัวเองอย่างจริงจังและมีวินัยมากขึ้น เพียงเท่านี้สุขภาพดีก็ไม่ไปไหนไกลแล้ว
       
       ข้อมูลประกอบ http://www.medicthai.com และ http://www.lovefitt.com 
        ข่าวโดย : แพรวา คงฟัก Manager.co.th

มาตรวจระดับน้ำตาล ดีกว่าปล่อยให้ไปถึงจุดอันตราย กันดีกว่า ด้วยเครื่องตรวจคุณภาพระดับโลก แต่ราคาไทยๆ เพียง 940 บาท จากราคาเต็ม 1950 บาท ดูซิว่าใช้ง่ายอย่างไร คนทั่วโลกยืนยันคุณภาพ พร้อม ใบรับรองจากองค์กรสำคัญๆใดบ้าง








ขายดีที่สุดใน Lazada เพราะ ราคาถูกกว่าซื้อที่อื่นๆ รับประกัน ส่งถึงบ้าน เก็บเงินปลายทางอีกต่างหาก เพียงคลิ๊กสั่งซื้อที่นี้!!!

No comments:

Post a Comment