Monday, June 18, 2018

อยู่ได้ด้วยกำลังใจและสมุนไพรช่วยชีวิต…


อยู่ได้ด้วยกำลังใจและสมุนไพรช่วยชีวิต
                                                                       โดย...ผอ.ศิริลักษณ์  จันทรมานนท์

   หลังจากผ่าตัดลำใส้ใหญ่ที่มีก้อนเนื้อไปเกือบฟุต ณ รพ. พระมงกุฎฯ   เมื่อวันที่  31  มี.ค. 2549      โดยมี
ลูกชาย ลูกปู(วรพล)  และ ลูกปลา(รุจนวัตน์)       คอยสับเปลี่ยนกันมาดูแลล้างแผลและให้กำลังใจคุณแม่ทุกวันจนออกจาก รพ.ในวันที่ 6 เม.ย.49 ไปพักฟื้น...  หลังพักฟื้นพร้อมทั้งทำใจรอฟังผลก้อนเนื้ออีกสิบกว่าวัน...   ในวันที่
24 เม.ย.49  ลูกปูพาคุณแม่ไปฟังผลแต่เช้าทันทีที่ถึงคิว...เสียงพยาบาลเรียก...เชิญคุณศิริลักษณ์ค่ะ.. เข้าไปพบหมอ
ประโยคแรก...คุณหมอถามหาญาติ คือลูกปูให้เข้ามาฟังผลด้วย... ณ วินาทีนั้น ดิฉันรู้ได้ทันทีว่าต้องไม่ใช่ข่าวดีแน่..คุณเป็นมะเร็งระยะสาม...เดี๋ยวผมจะส่งตัวขึ้นไปพบหมอด้านมะเร็งเพื่อวางแผนการรักษาชั้นบน...
                ดิฉันได้พบกับคุณหมอผู้หญิงในโอกาสต่อมา...หมอให้เลือกใน  3  แผนการรักษา  ดิฉันตัดสินใจเลือกการใช้ยาเคมีบำบัด  12 ครั้ง แทนการทานยา และการให้เคมี  6  ครั้ง       ซึ่งการเลือกแผนนี้เป็นแผนที่มีเปอร์เซ็นการกลับมาเป็นอีกน้อยที่สุด...แต่เข้มข้น  ที่สุด...
                ดิฉันได้โอนการรักษาโดยใช้ยาเคมีบำบัดไปที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่  จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดมีลูกสาว(นวิยา)  ญาติ ๆ และ  ลูกศิษย์ลูกหามากมาย        เพราะสงสารลูกชายทั้งสองเนื่องด้วยเพิ่งได้งานใหม่ทั้งคู่ เกรงจะเป็นกังวล  ดิฉันเข้ารับยาเคมีบำบัด  (ครีโม)  ครั้งแรกเมื่อวันที่  27  เม..ย. 2549  และต้องรับยาทุก ๆ 10 -15  วัน      โดยอยู่ในความดูแลของอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญโรคมะเร็งลำใส้โดยตรง นพ.ไพศิษฎ์ ศิริวิทยากร ...คุณยายคุณตาดูจะเป็นกังวลมากที่สุด...   แต่ดิฉันเองพยายามที่จะไม่บ่นเจ็บปวดหรือมีน้ำตาให้เป็นกังวลกับคุณยายคุณตาและลูก ๆ     แต่ละครั้งดิฉันต้องนอนนิ่ง ๆ  ให้ยาเคมีไหลเข้าสู่ร่างกาย...เป็นเวลา 3-4  วัน ไหนจะต้องพยายามดูแลเปลี่ยนถุงและทำความสะอาดลำใส้หน้าท้อง พยายามอดทน และให้กำลังใจตนเองด้วยหลักธรรมะ สมาธิและเพลง บรรเลงนิพพาน (สวรรค์ 7 ชั้น)    ซึ่งลูกปลาได้หาซื้อ  MP 3  ให้แม่ใส่เพลงนิพพานที่ครูกระปุก (คลองไผ่) ซื้อมาให้และบันทึกนิทานธรรมะที่น้องจิ๋ม (นวมินทร์)หามาจากเวปไซด์ (กรรมพยากรณ์ 1-2 และ เสียดายคนตายไมได้อ่าน)   ทำให้ดิฉันบรรเทาความเจ็บปวดและทุรนทุรายได้เป็นอย่างมากทีเดียว
                ...ประมาณ เดือน ก.ย.  2549  เป็นการให้ครีโมครั้งที่  9  ครั้งนั้นดิฉันทรมาณมาก  เส้นเลือดที่แขนทั้งสองไหม้  ลูกศิษย์ที่เป็นพยาบาล ต้องแทงเข็มหาเส้นใส่ครีโมถึง 3-4 ครั้ง   น้ำหนักลดลงเหลือ  35  กก. จากเดิม  42 กก.  ทานอาหารไม่ได้  จนต้องขออาจารย์หมอหยุดให้ยา   แต่คุณหมอขอร้องให้อดทนอีกต่อไป...   และคงเป็นบุญกุศลสำหรับดิฉัน..  ดิฉันได้รู้จักยาสมุนไพรแผนโบราณ  ซึ่งตัวยาทำจาก  พูลคาว  เห็ดหลินจือ และกระชายดำ   จากการแนะนำของเพื่อนผู้น้อง (อ.สถาพร ม.สุรนารี) ที่เป็นวิทยากรด้วยกัน...    การให้ครีโมครั้งที่ 9 เสร็จสิ้นอย่างทุกข์ทรมาณที่สุดในชีวิต...ได้อุทิศส่วนกุศลให้สรรพสัตว์ สรรพชีวิต ที่ได้กระทำ และอธิษฐานจิตว่าถ้าหายจากโรคภัยครั้งนี้  จะลาออกจากราชการ มาถวายงานในเบื้องพระยุคลบาท ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพียงอย่างเดียว   และหลังจากออกรพ. ครั้งที่ 9    ดิฉันก็ขอน้องสะไภ้ (น้องแจ๋ว) ไปตามหาสมุนไพรที่ อ.สถาพร ได้แนะนำ...   รีบหามาทาน ๆ ๆ หลังอาหาร  3  มื้อ มื้อละ 30  cc. ตามคำบอก     ...ดิฉันฟื้นตัวได้อย่างแทบไม่น่าเชื่อ...เพราะสังเกตตัวเองในการให้เคมีบำบัดหรือครีโมครั้งที่  10...11...12         ดิฉันแข็งแรงขึ้นมาก...ไม่เจ็บปวด...ไม่ทุรนทุราย...ทานข้าวได้ใน รพ.      เมื่อเสร็จสิ้นการรับยาครีโม ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่  5  พ.ย.2549  ฟักฟื้นเพียง  9  วัน   ดิฉันก็กลับไปทำงานที่โคราชในวันที่  14 พ.ย.49   แต่ทานยาลดลงเหลือ  2  มื้อ  และเมื่ออาจารย์หมอให้ทำ CT สแกนน์ เพราะครบ 1 ปีของการ

-2-

ผ่าตัด   ในวันที่ 30 เม.ย.50   ก็พบว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ   ทุกวันนี้...ดิฉันแข็งแรง  สามารถวิ่งรอบสนามฟุตบอลได้  3-4 รอบ   โดยไม่เหนื่อยน้ำหนักขึ้นมาเท่าเดิม  42  กก. ไม่เคยป่วยเป็นอะไรเลย     โดยเมื่อพบอาจารย์หมอครั้งล่าสุดในวันที่   6 ส.ค.50  นี้  อาจารย์หมอชมว่า...ดี เยี่ยม  (ดิฉันต้องอยู่ในความดูแลของอาจารย์หมออีก 5 ปี  ดูการกลับมาเป็นอีก)   ดิฉันจึงอยากบอกว่า...อยู่ได้ด้วยกำลังใจ (จากทุกๆคน)  และสมุนไพรคาวตอง

ภาค 2    เมื่อวันที่  10 ธันวาคม 2555   ณ บ้านแสนสราญ บ้านของเพื่อน PRC (เอ็ดดี้ และริบูรณ์)
                ผ่านมาเกือบ 7 ปี   หลังผ่าตัด...ให้ครีโม...พบอาจารย์หมอเป็นระยะ ๆ ทุก 3-4 เดือน  และทุกเดือน มีนาคม อาจารย์หมอจะให้ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Whole abdomen CT)   เมื่อเดือนมี.ค. 2555 เป็นครั้งล่าสุดที่ผ่านการ CT ซึ่งผลก็ออกมาไม่มีการแพร่กระจาย  อาจารย์หมอบอกว่า 95%     ที่ไม่กลับมาแน่นอน แต่ให้แน่ใจขอ CT อีกปี...จากการพบอาจารย์หมอเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ปี 2555  นี้   ดิฉันปรึกษาเรื่องการผ่าตัดเพื่อต่อลำใส้ตามที่หมอเคยถามว่าจะเอาเข้ารึไม่...ดิฉันก็มาคิดดูแล้วว่า...น่าจะลองผ่าตัดอีกครั้ง เพราะตัวเองก็รู้สึกแข็งแรงขึ้นมาก...น้ำหนักก็ขึ้นมาเกือบ  47  กก. แล้ว  และไม่เคยเจ็บป่วยใช้ยารักษาอีกเลย   (ใช้สมุนไพรตัวเดิมเพียงอย่างเดียว วันละ 30 cc.) แต่ก็ยังก้ำ ๆ กึ่ง ๆ ไม่รู้จะตัดสินใจ “เก็บลำไส้” หรือไม่??    อย่างไรก็ตามอาจารย์หมอก็ให้ไปเอาประวัติการผ่าตัดที่ รพ.พระมงกุฎฯ มา    ทั้งนี้เพราะไม่ทราบว่าลำใส้ส่วนปลายที่ตัดอยู่ที่ใด    พร้อมกับให้ส่องกล้องดูความเรียบร้อยภายใน ณ รพ.มหาราช ชม.ด้วย...
                ... และครั้งนี้ก็เป็นช่วงเวลาอีกครั้งหนึ่งที่ต้องเจ็บตัว...     การส่องกล้อง...ลำใส้ เป็นไปด้วยความเจ็บปวด
ขณะนั้นก็ได้แต่อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์อีกครั้ง...  และเมื่อนำประวัติจาก รพ.พระมงกุฏมาพบอาจารย์หมอในวันที่  27   สิงหาคม 2555  ผลวินิจฉัยของอาจารย์หมอที่ใช้ประวัติของ รพ.พระมงกุฎ และผลจากการส่องกล้องพบว่า...ลำใส้ใหญ่ที่ตัดเหลือสั้นเกินไป    ต้องนำลำไส้เล็กมาต่อ หรือไม่ก็ต้องนำลำไส้ใหญ่ที่
ต้องเลาะออกจากผนังช่องท้องดึงมาต่อส่วนปลาย  ซึ่ง “จะต้องเสียระบบการขับถ่ายอย่างมาก”    ...มันทำให้การตัดสินใจของดิฉัน ซึ่งตอนแรก ๆ ก็คิดว่าน่าจะอยู่อย่างคนปรกติเสียที...ตัดสินใจได้เร็วขึ้นว่า...อยู่อย่างเดิมนี้ดีกว่ามีถุงหน้าท้อง...เบิกราชการก็ได้ เสียส่วนเกินนิดหน่อย...อยู่กับเขามาตั้งเกือบเจ็ดปีแล้ว...
                ...ปัจจุบัน  ดิฉันก็ยังแข็งแรง...ดูจะแข็งแรงกว่าเมื่อครั้งปฏิบัติราชการอยู่  ทำหน้าที่เป็นคุณยาย ของหลาน 2 คน  และกำลังจะเป็นคุณย่าของหลานในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 นี้อีก...ชีวิตเป็นสุข   ได้สนองงานพระราชดำริฯตามที่ได้อธิษฐานจิตไว้ก่อนหายป่วย   ...ลูก ๆ ก็มีงานทำ และทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  ...เป็นกำลังใจให้แม่ทำงานอย่างเป็นสุข...
                สุดท้าย...ดิฉันอยากให้กำลังใจผู้ที่กำลังป่วย...  โดยเฉพาะด้วยโรคมะเร็ง...ให้ท่านต่อสู้ ๆ ๆ โรคร้ายให้ชนะด้วย “พลังใจของเรา”...พร้อมกับดูแลใส่ใจกับ  5 อ. คือ 
1.            อาหารที่ปราศจากสารปนเปื้อน
2.            อากาศที่บริสุทธิ์
3.            ออกกำลังกายสม่ำเสมอ (ไม่ต้องหักโหม) เดินแบบถูกวิธี 10,000 ก้าว จำเป็นไหม!!!
4.            อุจจาระให้เป็นเวลา  
และที่สำคัญที่สุด         5.   อารมณ์ที่เบิกบาน (คิดดี...ปฏิบัติดี... ใจเป็นสุข) 
------------------------------------------------------------------------------------------------


No comments:

Post a Comment