อุทาหรณ์สอนใจเกย์ ( ชีวิตติดเชื้อ HIV )
กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ ผมเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มของ ชายรักชาย ครับ
ก่อนอื่นเลย ผมขอเล่า เกริ่นๆ เรื่องของผมหน่อยนะครับ
คือ ก่อนหน้านี้ ผมเป็นคนที่ชอบบริจาคเลือดครับ
ทุก ๆ 3 เดือน ผมจะไปบริจาคเลือดที่ รพ ทีครับ
จนปัจจุบัน ผมได้บริจาคเลือดไป แล้วทั้ง หมด 17 ครั้ง
แต่เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ ผมก็ได้ไป บริจาค
ครั้งที่ 18 ครั้ง เหตุผลที่ผมบริจาคเลยก็คือ ต้องการช่วยเหลือคนอื่นครับ
อย่างที่สองเลยก็คือ ตรวจหาเชื้อ HIV อีกทีครับ
เพราะก่อนหน้าที่จะบริจาค ผมก็ได้ตรวจมาก่อนแล้ว
ทุกๆ ครั้งที่ไปบริจาคก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้ ......
เอิ่ม.... มีโทรสับเข้าแต่เช้าจาก รพ เลือดนะค่ะ
น้องว่าไหมค่ะ วันนี้ มาตรวจเลือดอีกทีนะคะ
เห้ออออออ ....... ผมไม่ตื่นเต้น หรือ วิตกกังวลอะไรครับ
ก็รีบ อาบน้ำแต่งตัว ไปหาหมอ ตามที่นัดครับ
ไปถึงผมก็ถามหมอเลยว่า ผมติดเชื้อใช่ไหม ฮ่าๆๆ
ทำอย่างกับไม่เกิดอะไรขึ้นเลยยยย เห้อออออ
ผมเหมือนจะเศร้านะครับ แต่ไม่อะครับ เฉยๆ
เพราะผมคิดว่า ผมเป็นอย่างนี้ ซักวันหนึ่งมันก็ต้องเป็นแน่ๆ
ผมเตรียมใจมานานแล้วครับ เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร
ไปตรวจเสร็จ หมอก็บอก ให้รอ ผล ประมาณ ครึ่งชั่วโมงครับ
พอมาถึง หมอก็บอก เห้อออ เสียดายยย ติดเชื้อค่ะ
ผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห้อออออ เสียดาย
บริจาคเลือดมาก็หลายครั้งแล้ว
หลังจากนั้นหมอก็พาไปอีกทีเพื่อทำเรื่องนัด เข้ารับยาต้านไวรัส
หลังจากรู้เรื่องนี้แล้ว ผมก็บอกคู่ผมสิครับ
เพราะก่อนหน้านี้ ผมบริจาคเลือดแล้วไม่เจออะไรไง
ประเด็นคือ ผมเพิ่งคบกันได้สามเดือนครับ เอาง่ายๆ
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 ผมบริจาคเลือดมา ไม่พบเชื้อ
และเมื่อ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2558 เพิ่งมาได้แฟน
เราคบกันมาได้ 3 เดือน ถึงเวลาบริจาคเลือดผมพอดีไง เห้ออออ
ไม่รู้จะเล่าไงยังต่อ งง ฮ่าๆๆๆ เวลามีอะไรกัน เราไม่ได้ป้องกันครับ
#เราไม่ได้ป้องกัน ประเด็นคือ ผมผิดเองนี่แหละ ที่ไม่ป้องกันน
คือจะบอกกับทุกคนว่า "มีอะไรกัน ป้องกันเถอะครับ "
ถึงจะเป็นแฟนกัน ก็ป้องกันเถอะครับ พลาดมาแล้วมันแก้อะไรไม่ได้
เราไม่รู้เบื้องหลังของแฟนเรามาก่อนครับ ฉะนั้น อย่าชะล่าใจครับ
ชีวิตหลังจากนี้ ผมคงทำตัวเหมือน พละ ส้มส้ม อะครับ
คือต้องกินยาให้ตรงเวลา เห้อ นึกภาพแล้วลำบากน่าดู
อาการหลังจากนี้ เป็นไง ผมจะมาเล่าต่อให้ฟังนะครับ
#ชีวิตติดเชื้อ EP.1
ก่อนอื่นเลย ผมขอเล่า เกริ่นๆ เรื่องของผมหน่อยนะครับ
คือ ก่อนหน้านี้ ผมเป็นคนที่ชอบบริจาคเลือดครับ
ทุก ๆ 3 เดือน ผมจะไปบริจาคเลือดที่ รพ ทีครับ
จนปัจจุบัน ผมได้บริจาคเลือดไป แล้วทั้ง หมด 17 ครั้ง
แต่เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ ผมก็ได้ไป บริจาค
ครั้งที่ 18 ครั้ง เหตุผลที่ผมบริจาคเลยก็คือ ต้องการช่วยเหลือคนอื่นครับ
อย่างที่สองเลยก็คือ ตรวจหาเชื้อ HIV อีกทีครับ
เพราะก่อนหน้าที่จะบริจาค ผมก็ได้ตรวจมาก่อนแล้ว
ทุกๆ ครั้งที่ไปบริจาคก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้ ......
เอิ่ม.... มีโทรสับเข้าแต่เช้าจาก รพ เลือดนะค่ะ
น้องว่าไหมค่ะ วันนี้ มาตรวจเลือดอีกทีนะคะ
เห้ออออออ ....... ผมไม่ตื่นเต้น หรือ วิตกกังวลอะไรครับ
ก็รีบ อาบน้ำแต่งตัว ไปหาหมอ ตามที่นัดครับ
ไปถึงผมก็ถามหมอเลยว่า ผมติดเชื้อใช่ไหม ฮ่าๆๆ
ทำอย่างกับไม่เกิดอะไรขึ้นเลยยยย เห้อออออ
ผมเหมือนจะเศร้านะครับ แต่ไม่อะครับ เฉยๆ
เพราะผมคิดว่า ผมเป็นอย่างนี้ ซักวันหนึ่งมันก็ต้องเป็นแน่ๆ
ผมเตรียมใจมานานแล้วครับ เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร
ไปตรวจเสร็จ หมอก็บอก ให้รอ ผล ประมาณ ครึ่งชั่วโมงครับ
พอมาถึง หมอก็บอก เห้อออ เสียดายยย ติดเชื้อค่ะ
ผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห้อออออ เสียดาย
บริจาคเลือดมาก็หลายครั้งแล้ว
หลังจากนั้นหมอก็พาไปอีกทีเพื่อทำเรื่องนัด เข้ารับยาต้านไวรัส
หลังจากรู้เรื่องนี้แล้ว ผมก็บอกคู่ผมสิครับ
เพราะก่อนหน้านี้ ผมบริจาคเลือดแล้วไม่เจออะไรไง
ประเด็นคือ ผมเพิ่งคบกันได้สามเดือนครับ เอาง่ายๆ
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 ผมบริจาคเลือดมา ไม่พบเชื้อ
และเมื่อ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2558 เพิ่งมาได้แฟน
เราคบกันมาได้ 3 เดือน ถึงเวลาบริจาคเลือดผมพอดีไง เห้ออออ
ไม่รู้จะเล่าไงยังต่อ งง ฮ่าๆๆๆ เวลามีอะไรกัน เราไม่ได้ป้องกันครับ
#เราไม่ได้ป้องกัน ประเด็นคือ ผมผิดเองนี่แหละ ที่ไม่ป้องกันน
คือจะบอกกับทุกคนว่า "มีอะไรกัน ป้องกันเถอะครับ "
ถึงจะเป็นแฟนกัน ก็ป้องกันเถอะครับ พลาดมาแล้วมันแก้อะไรไม่ได้
เราไม่รู้เบื้องหลังของแฟนเรามาก่อนครับ ฉะนั้น อย่าชะล่าใจครับ
ชีวิตหลังจากนี้ ผมคงทำตัวเหมือน พละ ส้มส้ม อะครับ
คือต้องกินยาให้ตรงเวลา เห้อ นึกภาพแล้วลำบากน่าดู
อาการหลังจากนี้ เป็นไง ผมจะมาเล่าต่อให้ฟังนะครับ
#ชีวิตติดเชื้อ EP.1
ขอบคุณข้อมูลของบทความด้านบน จาก Pantip
--------------------------------------------------
สมุนไพรคุณสัมฤทธิ์ สมุนไพรพลูคาว สร้างภูมิต้านทานโรค ภูมิแพ้ (60 แคปซูล)
--------------------------------------------------
VDO รู้ไว้! AIDS กับ HIV ไม่เหมือนกัน
รู้หรือไม่! HIV ไม่ใช่โรคเอดส์เสมอไป
สภาพการโรคเอดส์ในบ้านเรายังถือว่าอยู่ในระยะเฝ้าระวัง เนื่องด้วยจำนวนผู้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์มีอัตราการเป็นเอดส์เพิ่มสูงขึ้น ฉะนั้นโอกาสที่เด็กซึ่งคลอดจากมารดาที่เป็นเอดส์อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว บางประเทศในแถบตะวันตกที่มีอัตราการเป็นเอดส์สูง เนื่องจากโรคนี้พบได้บ่อยกว่าในบ้านเรา และในประเทศสหรัฐอเมริกาเองนั้นโรคเอดส์เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตลำดับที่ 9 ของเด็กอายุ 1-4 ปี
โดยความเป็นจริงแล้วคนที่เป็นโรคเอดส์จะมีเชื้อไวรัส HIV อยู่ในตัว แต่ทั้งนี้คนที่มีเชื้อ HIV นั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรคเอดส์เสมอไป คือติดเชื้อ HIV แต่ยังไม่มีอาการ สามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนคนปกติ แข็งแรงเหมือนคนปกติ แต่ทั้งนี้หากผู้มีเชื้อไม่ได้รับการรักษาหรือภูมิคุ้มกันต่ำลงเรื่อยๆ จนร่างกายอ่อนแอจนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคขึ้นถึงจะเรียกว่าเป็น เอดส์ โดยเชื้อ HIV นั้นติดต่อได้ 3 ช่องทางใหญ่ๆ คือ ทางเพศสัมพันธ์ เลือด และ จากแม่สู่ลูก
ส่วนกรณีที่ติดจากแม่สู่ลูกนั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นตอนช่วงแรกเกิดแต่จะยังไม่มีอาการ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาก็อาจจะเป็นได้ในอนาคต ตอนช่วงอายุประมาณ 1 ขวบไปแล้ว โดยสาเหตุอาจเกิดจากการกลืนเลือดแม่ตอนคลอด หรือการกินนมแม่ ทั้งนี้หากติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ซึ่งมีโอกาสน้อยมาก เด็กที่คลอดออกมาจะมีลักษณะตัวเล็ก อาจมีพัฒนาการน้อยกว่าปกติ แต่ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับทุกคน
ทั้งนี้ในปัจจุบันประเทศไทยมีการรณรงค์ในเรื่องของการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก คือ หากคุณแม่ท่านใดไปฝากครรภ์แล้วคุณหมอตรวจพบการติดเชื้อก็จะมีแนวทางการป้องกัน ซึ่งตอนนี้มีน้อยมากกว่า 2% ตรงตามเป้าของ WHO หรือองค์การอนามัยโลก ซึ่งหมายความว่า คู่สามีภรรยาที่มีเชื้อ HIV สามารถมีลูกได้ รวมถึงกรณีที่คุณพ่อมีเชื้อเช่นเดียวกัน โดยจะใช้วิธีการนำน้ำเชื้อของพ่อไปแยกออกจากเชื้อ HIV แล้วฉีดเข้าไปในตัวของแม่ โดยเด็กส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อมักจะเกิดจากแม่ที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองมีเชื้อ หรือไม่ได้ไปฝากครรภ์จึงไม่ได้รับการตรวจจับเชื้อ โดยเด็กจะมีอาการ เช่น เลี้ยงไม่โต ติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น ถ่ายเหลวเรื้อรัง ปอดบวมที่รักษายาก ติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง ซึ่งเด็กที่ติดเชื้อแล้วจำเป็นต้องกินยารักษาไปตลอดชีวิต ขณะที่ลูกซึ่งมีแม่ติดเชื้อ HIV แพทย์แนะนำไม่ให้กินนมแม่ และจะมียาป้องกันเป็นยาสูตรคล้ายกับของคุณแม่ แต่จะมีจำนวนน้อยกว่าโดยจะกินประมาณ 1 เดือน ก่อนจะนัดเข้ามาตรวจว่าตัวเด็กติดเชื้อหรือไม่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก รายการพบหมอรามา ช่วง Big Story วันเอดส์โลก 1 ธันวาคม
อ.ดร.นพ. นพพร อภิวัฒนากุล สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ฉันชื่อ TRISHA NELSON ฉันติดเชื้อเอชไอวีใน 2O16 ฉันได้รับแจ้งจากแพทย์ว่าไม่มีทางรักษาเอชไอวีได้ ฉันเริ่มใช้ ARVs CD4 ของฉันคือ 77 และปริมาณไวรัสคือ 112,450 ฉันเห็นเว็บไซต์ของดร. เจมส์และฉันเห็นข้อความรับรองมากมายเกี่ยวกับวิธีที่เขาใช้ยาสมุนไพรเพื่อรักษาเอชไอวี ฉันติดต่อเขาและบอกปัญหาของฉันเขาส่งยาสมุนไพรมาให้ฉันและฉันก็ใช้เวลา 3 สัปดาห์หลังจากนั้นฉันไปตรวจสุขภาพและฉันก็หายจากเอชไอวี ยาสมุนไพรของเขาไม่มีผลข้างเคียงและง่ายต่อการดื่มไม่มีอาหารพิเศษใด ๆ เมื่อทานยาสมุนไพรของดร. เจมส์ เขายังรักษาโรคเบาหวาน, โรคมะเร็ง HPV, ALS, โรคตับ, โรค KIDNEY, HERPES และอื่น ๆ อีกมากมาย คุณสามารถติดต่อเขาได้ที่ ... drjamesherbalmix@gmail.com
ReplyDelete